สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่า จากกรณีนายฮาดี มาทาร์ วัย 24 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองแฟร์วิลล์ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อเหตุใช้อาวุธกระหน่ำแทง นายชัลมาน รัชดี นักเขียนชื่อดังชาวสหราชอาณาจักร-อเมริกัน เชื้อสายอินเดีย วัย 75 ปี บนเวทีงานเสวนาทางวิชาการ ที่สถาบันเชาเทาควา ในเขตเชาเทาควา ทางตะวันตกของรัฐนิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น


พนักงานสอบสวนนำตัวมาทาร์ขึ้นศาล เมื่อวันเสาร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแรก คือ พยายามฆ่า ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ขณะที่ตำรวจยังปฏิเสธให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับแรงจูงใจของคนร้าย

อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า ผลการตรวจสอบบัญชีผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ของมาทาร์ พบว่า “มีความชื่นชอบ” ต่อ “แนวคิดชีอะห์หัวรุนแรง” และกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่พบลิงก์หรือช่องทางที่จะขยายผลได้


ส่วนอาการของรัชดียังคงสาหัส โดนคณะแพทย์ทำการผ่าตัดและให้คนไข้สวมเครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า รัชดีอาจต้องสูญเสียดวงตาข้างหนึ่ง แต่ยังไม่มีการยืนยันจากฝ่ายใด

บรรยากาศที่สถาบันเชาเทาควา ในเขตเชาเทาควา ของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเกิดเหตุคนร้ายบุกแทง “ซัลมาน รัชดี” นักเขียนชื่อดัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส


ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร ตลอดจนผู้นำโลกอีกหลายคน พร้อมใจกันออกมาประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่วนรัฐบาลเตหะรานยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่หนังสือพิมพ์ในอิหร่านซึ่งมีจุดยืนขวาจัด ต่างนำเสนอข่าวยกย่องมาทาร์


อนึ่ง “เดอะ ซาทานิก เวิร์สเซส” (The Satanic Verses) หรือ “โองการปิศาจ” ซึ่งเผยแพร่เมื่อปี 2531 เป็นหนึ่งในผลงาน “ฉาวโฉ่และอื้อฉาวที่สุด” ของรัชดี เนื่องจากมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอิสลาม จนถูกแบนในหลายประเทศ


อยาตอลลาะห์ รูฮัลเลาะห์ โคไมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านในเวลานั้น ประณามนวนิยายเรื่องนี้ และเรียกร้องให้มีการ “เอาชีวิต” ผู้เขียน ส่งผลให้รัชดีต้องอาศัยอย่างหลบซ่อน จนกระทั่งรัฐบาลอิหร่านประกาศในอีก 10 ปีต่อมาว่า “ไม่เอาความ” รัชดีจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมากขึ้น แต่อยาตอลลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันของอิหร่าน เคยกล่าวเมื่อปี 2560 ว่าฟัตวา หรือการวินิฉัยของโคไมนี “ยังคงมีผล”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES