สมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย กำหนดการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ที่ภัตตาคารโฮคิทเช่น ถนนพระราม 3 มีวาระสำคัญ คือ การเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ ซึ่งการเลือกตั้ง “ประมุขสอยคิวคนใหม่” ครั้งนี้ มีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง 2 คน คือ “บิ๊กฮง” นายสุนทร จารุมนต์ อดีตนายกสมาคมฯ 1 สมัย กับ “เอสวัน” นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ ผู้จัดการสนุกเกอร์ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม โดยมี 15 สโมสรสมชิก ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงลือกตั้ง

ความคืบหน้าล่าสุด ทั้ง “บิ๊กฮง” และ “เอสวัน” ต่างชูนโยบายของตัวเองเพื่อที่จะพิชิตใจสมาชิกทั้ง 15 สโมสร ให้ได้ โดย นายสุนทร จารุมนต์ ในฐานะรักษาการนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เผยว่า ตนเองมีมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาในการทำงานของตน ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานสมาคมฯ จนเป็นที่พอใจกับสโมสรสมาชิก มีทัวร์นาเมนต์การแข่งขันระดับชาติ ประชาชน เยาวชน และยุวชน รวม 13 รายการต่อปี ที่ทำให้นักกีฬามีรายได้จากเงินรางวัล และเวทีสะสมประสบการณ์จากการแข่งขันเป็นที่พอใจกับนักกีฬาและสโมสรสมาชิก รวมถึงระบบการจัดการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ

“ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังมาถึงในวันที่ 19 ส.ค.นี้ หากผมได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้กลับมาบริหารงานสมาคมฯ อีกครั้ง ผมพร้อมเปิดกว้างรับฟังในทุกๆ ปัญหาจากสโมสรสมาชิก และผมมีแนวคิดเปิดกว้างรับสมาชิกเพิ่มขึ้นเพื่อยกระดับการจัดการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” บิ๊กฮง ย้ำ

พร้อมยืนยันอีกว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ สโมสรสมาชิกที่มีสิทธิโหวตลงคะแนน ทุกคนมีศักดิ์ศรีของตนเอง ที่ไม่สามารถใช้เงินมาซื้อไม่ได้

ขณะที่ นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ ที่เปรียบเสมือนผู้ท้าชิง เผยว่า ตนอาสานำความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการสอยคิวไทย ด้วยนโยบายบูรณาการให้สมาคมฯ ให้เป็นสมาคมกีฬาต้นแบบสร้างการมีส่วนร่วมของกรรมการบริหารอย่างมีระบบ โปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ รวมถึงเปิดรับสมาชิกสามัญเพิ่มขึ้น และแก้ไขข้อบังคับให้สอดคล้องหลักธรรมาภิบาลมากที่สุด

“เอสวัน” ยังย้ำอีกว่า จะเพิ่มการแข่งขันสอยคิวให้มากขึ้นในทุกระดับ ครอบคลุมและชัดเจน มีโควตาสำหรับแชมป์แต่ละรายการที่จะได้สิทธิแข่งขันระดับชาติและระดับโลก เน้นการจัดการแข่งขันแนวสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่สร้างความบันเทิงรอบด้านให้กับผู้ชม นอกเหนือจากผลการแข่งขัน เพิ่มสนามแข่งขันและศูนย์เก็บตัวทีมชาติและเยาวชน เพื่อความเป็นเลิศอย่างเหมาะสม พัฒนาศูนย์ฝึกระดับภูมิภาคีและโรงเรียน เพื่อก้าวสู่การนำสนุกเกอร์ออกจาก พ.ร.บ.การพนัน ที่สำคัญคือการจัดทำกองทุนสวัสดิการ หรือประกันสังคม ให้กับกรรมการและนักกีฬาสอยคิวไทย เพื่อความมั่นคงกับชีวิตด้วย

สำหรับทั้งหมดนี้เป็นนโยบายที่ทั้ง “บิ๊กฮง” และ “เอสวัน” ต่างมั่นใจว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับวงการสอยคิว หากได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้เข้ามาทำงาน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจจาก 15 สโมสรสมาชิก ที่มีสิทธิโหวต ว่านโยบายของว่าที่นายกสอยคิวท่านใดจะเป็นรูปธรรม จับต้องได้ และสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อชาวสอยคิวมากว่า ความชัดเจนไม่ต้องรอกันนาน 19 ส.ค.นี้ ชาวกีฬาสอยคิว ได้รู้กันแน่นอน