เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ส.ค.2565 นับเป็นวันประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกหน้าหนึ่งที่ต้องถูกบันทึกไว้ เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้วินิจฉัย และตุลาการเสียงข้างมาก มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย คาดกระบวนการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน จากประเด็นร้อนเรื่องการนั่งเก้าอี้นายกฯ 8 ปี ท่ามกลางม็อบที่ออกมาชุมนุมขับไล่เพราะมองว่าครองอำนาจเก้าอี้ผู้นำประเทศจบครบวาระแล้ว และมองว่าบริหารประเทศไม่มีประสิทธิภาพ

พลันที่ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกแช่แข็งไว้ชั่วคราวจากมติของศาลรัฐธรรมนูญ ชื่อของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกสปอตไลต์ฉายแววเจิดจรัส เป็นกระแสพุ่งจนติดอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ เนื่องจากต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทน “บิ๊กตู่” น้องเล็กสุดที่รักแห่งบูรพาพยัคฆ์

วันนี้ “เดลินิวส์” จะพาไปทำความรู้จัก “บิ๊กป้อม” ซึ่งว่ากันว่าในยุค 3 ป. คือพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ และเป็นผู้มากบารมีที่สุดซึ่งนักการเมืองให้ความเคารพและเกรงใจ และยังเป็นศูนย์รวมคอนเนกชั่นแห่งยุค

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีชื่อเล่น “ป้อม” เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนโตของ พล.ต.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ กับ นางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พงษ์พันธ์ุ วงษ์สุวรรณ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมทีโอที และ พันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ

สำเร็จการศึกษา จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปี 2505 จากนั้นในปี 2508 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และศึกษาต่อ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 สำเร็จการศึกษาในปี  2512 และในปี 2521 เข้าศึกษา โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 จากนั้นในปี พ.ศ. 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 พ.ศ. 2556

เส้นทางการทำงาน

  • ปี 2512 ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 3
  • ปี 2514 ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงหนัก กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • ปี 2517 ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • ปี 2519 นายทหารยุทธการและการฝึก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • ปี 2520 ประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
  • ปี 2522 นายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • ปี 2523 รองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
  • ปี 2524 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • ปี 2527 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • ปี 2529 รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • ปี 2532 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
  • ปี 2536 รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • ปี 2539 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
  • ปี 2540 รองแม่ทัพภาคที่ 1
  • ปี 2541 แม่ทัพน้อยที่ 1
  • ปี 2543 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก
  • ปี 2544 ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
  • ปี 2545 แม่ทัพภาคที่ 1
  • ปี 2546 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
  • 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547-30 กันยายน พ.ศ. 2548 ผู้บัญชาการทหารบก
  • 11 ตุลาคม พ.ศ. 2549-22 ธันวาคม พ.ศ. 2550 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ประเทศไทย) พ.ศ. 2549
  • 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551-9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  • 2 เมษายน พ.ศ. 2553 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย

จะเห็นได้ว่าเส้นทางชีวิตชายชาติทหาร ที่ชื่อ “บิ๊กป้อม” เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า “ทหารเสือราชินี” ถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบกสองนาย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ “บิ๊กป๊อก” และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “บิ๊กตู่” เป็นพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ มี “บิ๊กป๊อก” เป็นน้องรอง และ “บิ๊กตู่” เป็นน้องเล็ก

จุดเริ่มต้นของ “พี่น้อง 3 ป.” ว่ากันว่านอกจากเติบโตมาจากค่ายทหารเสือราชินี หรือกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี และเดินตามรอยขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพบก ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แล้ว “บิ๊กป้อม” ยังทำหน้าที่คอยผลักดันดูแลน้องรองและน้องเล็กมาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตนายทหารและไต่เต้าขึ้นมาจนเป็นผู้นำกองทัพบก

ปลายปี 2551 “บิ๊กป้อม” กับ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น มีส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลพลิกขั้ว ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร เป็นรัฐมนตรีกลาโหม โดย “บิ๊กป้อม” ได้วางตัวน้องเล็ก พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก “บิ๊กป๊อก”

ด้วยความถูกมองว่าเป็นทหารการเมือง เพราะมีคอนเนกชั่นกับแกนนำหลายพรรค “บิ๊กป้อม” จึงประคอง “บิ๊กตู่” ให้เป็น ผบ.ทบ. สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ภาพลักษณ์ของ “บิ๊กป้อม” จะถูกมองว่าเป็นทหารการเมือง แต่สายสัมพันธ์ของเขาและ “น้องป๊อก” กับ “น้องตู่” นั้นแนบแน่นลึกซึ้งมากกว่าพี่น้องธรรมดา

แม้ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นผู้นำประเทศในนาม หัวหน้า คสช. หลังรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยนั่งเก้าอี้นายกฯ มาตลอดต่อเนื่องจนการมีการเลือกตั้งปี 2562 และได้นั่งเก้าอี้นายกฯ อีกครั้ง จากการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ  รัฐบาลบิ๊กตู่โอนเอนไปมาตลอดจากสถานการณ์โควิด-19 พิษเศรษฐกิจ และมรสุมการเมืองหลายลูก แต่ว่ากันว่า “บิ๊กป้อม” คนนี้แหละ ที่คอยประคองรัฐนาวาบิ๊กตู่ให้ฝ่าคลื่นลมมาตลอดรอดฝั่ง

แม้ตัวเองก็เจอมรสุมทางการเมืองหลายลูกถาโถมเข้าใส่ เช่นกรณี “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” หรือแม้กระทั่งถูกกล่าวหาว่าใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นสถานที่ดีลผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจ แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ผ่านพ้นมาได้ แม้จะยังมีเสียงซุบซิบถึงมาตรฐานการทำงานขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบ

ขณะที่การเมืองในช่วงหลังๆ มักมีข่าวในแนวลบว่า “พี่น้อง 3 ป.” แตกคอกันเอง แต่ทั้งหมดก็กอดคอสยบข่าวรอยร้าวได้ชะงัก แต่ในที่สุดแล้ว “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” ที่ชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ซึ่งคอยปัดเป่าปกป้อง “น้องตู่” ได้มาตลอด แม้ครั้งนี้ไม่สามารถช่วยเหลือน้องรักคนเล็กให้ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำต่อไปได้ แต่เชื่อว่า “บิ๊กตู่” เองก็คงสบายใจที่มีพี่ชาย ชื่อ “บิ๊กป้อม” ขึ้นมานั่งรักษาการเก้าอี้นายกฯ กุมอำนาจและบริหารราชการแผ่นดินแทน

หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่า รัฐนาวาภายใต้การกุมบังเหียนของ “บิ๊กป้อม” ในวัย 77 ปี ที่ถูกมองจากฝ่ายค้านและกลุ่มต่อต้านว่า สภาพร่างกายจะไหวเหรอ? และการเมืองไทยคงไม่มีอะไรเปลี่ยน นับจากนี้จะเดินหน้าไปทิศทางใด …คงไม่มีใครตอบได้ นอกจากชายชาติทหารที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ผู้มากบารมีแห่งยุค และ พี่ใหญ่ 3 ป. เท่านั้น