หลังจากปัญหาของ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เงียบไปไม่เท่าไหร่ ล่าสุด ทาง บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาแจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า บริษัทได้ยกเลิกธุรกรรมซื้อขายหุ้นของ บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หลังจากเมื่อวันที่ 2พ.ย.64 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ (SCBS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นใน บริษัทบิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบิทคับ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ยกเลิกการซื้อหุ้นนั้น ทาง SCBS แจ้งว่า บิทคับยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุป

นอกเหนือจากสาเหตุดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าความเป็นไปได้เกิดจากหลายเหตุผล

– สำหรับประเด็นที่ “บิทคับ” ยังมีปัญหาซึ่งต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของ ก.ล.ต.นั้น เกิดขึ้นจาก กรณี ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา บิทคับ ถูกปรับเงินรวม 24.16 ล้านบาท เนื่องจากพบเหตุสงสัยอาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขายบิทคับ 

หากย้อนไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.65 ก.ล.ต.ประกาศเปรียบเทียบปรับคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จำนวน 5 ราย เหตุพิจารณาคัดเลือกเหรียญ KUB เข้ากระดานเทรดไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์

และหากย้อนรอยพฤติกรรมของ “บิทคับ”ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการทางแพ่งและสั่งปรับมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะระบบ “หลังบ้าน” และ “การปฏิบัติการ” ที่ไม่ได้มาตรฐาน และขาดความน่าเชื่อถือ ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับแล้วจำนวน 11 ครั้ง เป็นเงินกว่า 43 ล้านบาท

-ปีนี้ยังถือเป็น “ช่วงขาลง” ของตลาดคริปโตฯ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเรื่องปกติของตลาดนี้ที่มีวัฏจักรแย่ลงในทุกๆ 4 ปี ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นรอบที่ 3 ของตลาดคริปโตฯ โดยรอบแรกเมื่อประมาณปี56-57 หากย้อนดูกราฟราคาเหรียญบิทคอยน์จะพบว่า ราคาลดลงอย่างรุนแรงจาก 1,300 ดอลลาร์ ลดลงมาเหลือเพียง 180 ดอลลาร์ จากนั้นรอบที่2 เมื่อปี60-61 ราคาเหรียญบิทคอยน์ลดลงจาก 17,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 3,000 ดอลลาร์ จนกระทั่งปีนี้ที่ราคาเหรียญบิตคอยน์เคยลดลงไปต่ำกว่า 19,000ดอลลาร์ จากขณะนี้อยู่ที่ระดับ 21,000 ดอลลาร์

ดังนั้น เมื่อตลาดคริปโตฯเริ่มเข้าสู่ภาวะขาลง ราคาก็ร่วงลงอย่างหนัก และอาจต้องใช้เวลาเป็นปี กว่าจะฟื้นตัวกลับมา ซึ่งในแง่ของธุรกิจก็ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเข้าซื้อหุ้นบิทคับ” ด้วยเงินลงทุนที่เคยตกลงกันไว้สูงถึง 17,850 ล้านบาทในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังบูมอย่างมากในขณะนั้น และการถอยออกมาครั้งนี้ยังอาจหาจังหวะกลับมาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าด้วยซ้ำ

-สุดท้ายยังเป็นโอกาสที่ SCBS จะใช้จังหวะนี้เข้ามาเปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอีกราย เพราะอย่าลืมว่าขณะนี้ SCBS มีไลเซ่นส์อยู่ในมือ หลังจากปี64 ที่ผ่านมาได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. ในการทำธุรกิจ 2 ใบอนุญาต ได้แก่ 1.ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งประเภทคริปโตเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล แต่ยังไม่เริ่มประกอบธุรกิจ 2.ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล ในประเภทคริปโตเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล ซึ่งยังไม่ได้เริ่มประกอบธุรกิจเช่นเดียวกัน

แม้ระยะนี้จะเกิดปัญหาในตลาดคริปโตฯให้บรรดานักลงทุนได้ “อกสั่น ขวัญผวา” กันไปบ้าง แต่เชื่อว่าจากยังมีจะมี “เรื่องน่าตื่นเต้น” ให้คอยติดตามอีกไม่น้อยทีเดียว!!