เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สืบเนื่องจากกรณีที่ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) มีมติชี้มูลความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ.สงขลา ได้มีพฤติการณ์ไม่จ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยเป็นวงเงินกว่า 52 ล้านบาท ขณะที่ในตอนนั้น อบจ.สงขลา ได้ทำเรื่องรับมอบและตรวจสอบรถดังกล่าวแล้ว ซึ่งการไม่จ่ายเงินให้แก่บริษัท เท่ากับเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายและได้นัดหมายให้นายนิพนธ์ มารายงานตัวต่อศาล เนื่องจากนายนิพนธ์ได้เคยแจ้งเหตุขัดข้องขอเลื่อนจากที่ ป.ป.ช. มีมติในวันที่ 18 ส.ค. เป็นวันที่ 22 ก.ย. โดยแจ้งว่าติดปฏิบัติราชการ แต่ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าเลื่อนให้ได้แค่วันที่ 5 ก.ย. เท่านั้น ตามที่ได้มีการรายงานข่าวมาก่อนแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า วันนี้พร้อมให้ข้อมูลและสู้คดี และเมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ผ่านมา ได้กราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเมื่อคืนนี้ก็ได้แจ้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ว่าตนขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่ประสงค์ใช้ตำแหน่ง หน้าที่ เวลาราชการมาสู้คดีนี้ และจะได้มีเวลาเตรียมสู้คดีอย่างเต็มที่ในชั้นกระบวนการของศาลยุติธรรม และการลาออกมีผลตั้งแต่วันนี้
นายนิพนธ์ เผยอีกว่า สาเหตุที่ตนไม่จ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ให้กับบริษัทเอกชนดังกล่าว ตนได้เรียนให้สภาผู้แทนฯ และประชาชนทราบมาตลอดว่า เป็นเพราะมีหนังสือจากทางจังหวัดสงขลามา และจังหวัดได้ชี้แจงพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบบอกว่ามีการฮั้ว แล้วตนจะจ่ายเงินให้กับคนที่ฮั้วได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่มีเจตนาไปกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น
นายนิพนธ์ ยืนยันว่า การลาออกจาก รมช.มหาดไทย ไม่ได้มีการกดดันจากภายในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เป็นความตั้งใจของตนเอง และหลังจากเรียนแจ้ง พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ท่านก็ได้ให้กำลังใจและชื่นชม ทั้งนี้ ที่ตนแจ้งลาออกกับนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้านี้ เนื่องจากวันนี้ (5 ก.ย.65) คือวันที่ตนต้องมาศาล เป็นครั้งแรก เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนจึงมองว่านี่คือเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว ไม่เสียใจต่อการตัดสินใจหากผลออกภายหลังแล้วเป็นบวก ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว และถ้าหากให้ย้อนเวลากลับไปให้ตัดสิน ก็จะตัดสินเหมือนเดิม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.ในตำแหน่งของตน (รมช.มหาดไทย) หลังจากนี้ จะเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องไปพิจารณาต่อไป.
