เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีข่าวลูกสาววัย 3 เดือนพลัดตกเตียงติดซองผนังข้างที่นอนเสียชีวิตนั้น เรียนว่าพัฒนาการของเด็กทารกในวัยแรกเกิด–4 เดือน ถือเป็นวัยบอบบางที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา รวมถึงการนอนของเด็ก หากท่านอนไม่เหมาะสม ที่นอนที่ไม่ปลอดภัยอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ท่านอนที่เหมาะสมของเด็กแรกเกิด–4 เดือน คือแยกที่นอนมาอยู่ด้านข้างผู้ใหญ่ด้วยระยะห่างประมาณเอื้อมมือถึง ไม่นอนระหว่างผู้ใหญ่หรือติดชิดกับผู้ใหญ่เพราะอาจเผลอนอนเบียดหรือทับเด็กจนหายใจไม่ออก หรือโดนผ้าห่ม หมอนของพ่อแม่ทับเด็กโดยไม่รู้ตัว ที่นอนเด็กควรสูงประมาณ 2 ฟุต

หากจำเป็นต้องนอนด้วยเตียงนอน ควรมีที่กันตก รั้วขอบของเตียงต้องมีระยะห่างของซี่รั้วน้อยกว่า 15 เซนติเมตร และมีที่นอนที่พอดีกับเตียง ไม่มีช่องห่างระหว่างที่นอนกับขอบเพราะอาจเกิดการติดค้างของศีรษะที่ลอดผ่านซี่ราวหรือลอดผ่านรูช่องบนผนังรั้วรอบเตียง และการกดทับใบหน้า จมูก ในช่องห่างระหว่างเบาะที่นอนกับราวกันตก ที่นอนต้องไม่นิ่มเกินไป ต้องระวังผ้าห่ม หมอน มุ้ง เพราะอาจปิดทับจมูกทำให้หายใจไม่สะดวกหรืออุดกลั้น ไม่ควรนั่งอุ้มจนหลับเพราะผู้ปกครองอาจจะเผลอปล่อยเด็กออกจากมือทำให้ตกลงมาได้

ส่วนท่านอนที่เหมาะสมคือท่านอนหงาย ไม่ใช่นอนคว่ำ เพราะอาจอุดกลั้นทางเดินหายใจ หากต้องการให้เด็กหัวทุย ก็จัดท่านอนตะแคงซ้ายและขวาสลับกันกันไป โดยให้เด็กนอนกอดหมอนข้างเพื่อป้องกันการคว่ำหน้า อย่างไรก็ตามต้องดูช่วงอายุด้วย เพื่อให้เด็กนอนหลับสบายที่สุด โดยเด็กแรกเกิด–4 เดือน ควรนอนตะแคงหรือนอนหงาย เป็นท่าที่เหมาะกับพัฒนาการของกล้ามเนื้อคอที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ทำได้เพียงหันซ้ายและขวา สามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวและฝึกการมองได้ วัย 5–6 เดือน สามารถนอนคว่ำได้ และเด็กยกคอได้แล้วเพราะกระดูกคอเริ่มแข็ง แต่ยังต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพราะอาจเกิดการอุดกลั้นการหายใจได้ และวัย 7-12 เดือน สามารถนอนได้ทุกท่าเพราะเด็กพลิกตัวด้วยตนเองได้แล้ว ที่สำคัญพ่อแม่ผู้ปกครองต้องสังเกตตัวเด็กและสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กอยู่เสมอ เช่น บนที่นอนของเด็กจะต้องไม่มีอะไรที่จะมาปิดหน้าได้ระหว่างที่นอนหลับอยู่ โดยเฉพาะเด็กที่มีนิสัยชอบคว้าสิ่งของรอบตัว

ด้าน พญ.นนธนวนัณท์ สุนทรา ผอ.สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับเด็กอายุเกิน 1 ปี ที่เริ่มยืนได้นั้น เตียงต้องมีราวกันตกที่มีซี่ราวแนวตั้งตรง ห่างกันไม่เกิน 15 เซนติเมตร ราวกันตกจะต้องมีตัวยึดแน่น เด็กไม่สามารถเหนี่ยวให้เคลื่อนไหวได้เอง ไม่อ้า ไม่เผยอ จนเกิดช่องห่างจากเตียงจนลำตัวเด็กลอดตกได้ เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียงและไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตก มุมเสาทั้ง มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน 1.5 มิลลิเมตร ผนังเตียงด้านศีรษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดร่องและรู นอกจากนี้ จากขอบบนของเบาะที่นอนถึงราวกันตกด้านบนต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 65 เซนติเมตร ทั้งนี้เด็กที่มีความสูงเกิน 89 เซนติเมตร มีความเสี่ยงปีนราวกันตกและตกจากที่สูงได้ดังนั้นต้องระวัง และหมั่นสังเกตหากพบว่าเด็กแน่นิ่ง ตัวซีดหรือเขียวคล้ำ ให้จับเด็กนอนหงาย พยายามปลุก เรียก สังเกตการหายใจโดยดูการเคลื่อนไหวของหน้าอก หน้าท้อง ถ้าเรียกไม่รู้ตัวลักษณะเหมือนไม่หายใจ ให้กดทรวงอกบริเวณสันอกทันที สลับกับการเป่าปากหรือเป่าจมูก-ปากเด็กในเวลาเดียวกันและรีบตามหน่วยฉุกเฉิน 1669 เพื่อนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว