สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า สำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า กองทัพประชาชนเกาหลียิงขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้ 2 ลูก จากฐานยิงที่เขตซัมซ็อก ในกรุงเปียงยาง เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยขีปนาวุธตกลงในทะเลตะวันออก
(2nd LD) N. Korea fires 2 short-range ballistic missiles into East Sea: S. Korean military https://t.co/yvQ3INFRUf
— Yonhap News Agency (@YonhapNews) October 6, 2022
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับเป็นการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ครั้งที่ 6 ภายในระยะเวลาเพียง 12 วัน โดยหนึ่งในนั้นเป็นการยิงขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลาง (ไออาร์บีเอ็ม) ผ่านน่านฟ้าทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2560 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามช่องทางการทูต ร้องเรียนกับสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ ประจำกรุงปักกิ่ง
ขณะเดียวกัน ก่อนการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ ประณามการที่เรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน” พร้อมกองเรือติดตาม เข้ามาประจำการในคาบสมุทรเกาหลี และซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ในเขตใกล้กับน่านน้ำของเกาหลีเหนือ
N. Korea rebukes redeployment of U.S. aircraft carrier to East Sea https://t.co/30QSlbJCK6
— Yonhap News Agency (@YonhapNews) October 5, 2022
ในอีกด้านหนึ่ง นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ว่า จีนและรัสเซีย “ให้ท้าย” นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และ “ปกป้อง” รัฐบาลเปียงยาง จากการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นเอสซี
ขณะที่จีนและรัสเซียแสดงท่าทีเพียงว่า ยูเอ็นเอสซีต้องแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์กว่านี้ เนื่องจากการเอาแต่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ “ไม่ช่วยอะไร”.