จากกรณี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ หรือ แมน อดีตตำรวจ สภ.นาวัง ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการในคดียาเสพติด และจะต้องขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ เกิดคลุ้มคลั่งขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน กธ 6499 กรุงเทพมหานคร บุกเข้าไปกราดยิงเด็กเล็ก ครู ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ และประชาชนในพื้นที่ตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จนมีผู้เสียชีวิต 32 ศพ บาดเจ็บ 18 ราย ต่อมา ส.ต.อ.ปัญญา ได้ขับรถหลบหนีกลับมาบ้านพัก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ก่อนจะยิงตัวเองและลูกเมียเสียชีวิต 3 ศพ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

จากการตรวจสอบประวัติ ส.ต.อ.ปัญญา (แมน) คำราบ อายุ 34 ปี บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ยานนาวา ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาวัง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ตามคำสั่ง ภ.4 ที่ 1338/2562 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2562

เมื่อย้ายมาที่ สภ.นาวัง เริ่มมีปัญหาทะเลาะกับแฟน เนื่องจากแฟนไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน และเริ่มมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนร่างกายซูบผอม มีอารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งเพื่อนข้าราชการตำรวจต่างทราบดีและไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยธนาคารออมสิน ส.ต.อ.ปัญญา ไม่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ กลับไปนอนอยู่ในรถซึ่งจอดไว้หน้าธนาคาร เมื่อผู้จัดการธนาคารออมสินได้ขอความช่วยเหลือ โดยให้คุ้มกันการเคลื่อนย้ายนำเงินเข้าเครื่อง ATM กลับแสดงอาการไม่พอใจ ทำท่าจะชักปืนขู่ ทำให้ผู้จัดการต้องโทรศัพท์แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมา ส.ต.อ.ปัญญา ได้เริ่มคบกับ น.ส.หญิง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งทำงานเป็นพนักงานร้านคาราโอเกะ (ปัจจุบันปิดกิจการเนื่องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19) จากการตรวจสอบประวัติ น.ส.หญิง เคยเป็นแฟนกับ นายเดย์ (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู

เมื่อคบกับ น.ส.หญิง มักพาเพื่อนมามั่วสุมดื่มสุรา และส่งเสียงดัง ที่ห้องพักข้าราชการตำรวจเป็นประจำ เป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่ข้าราชการตำรวจและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเมื่อเมาสุราแล้ว ส.ต.อ.ปัญญา จะชอบนำอาวุธปืนมายิง ทำให้ไม่มีคนกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว และเคยนำอาวุธปืนไปยิงสุนัขของประชาชน จนต้องมีข้าราชการตำรวจไปไกล่เกลี่ยให้ไม่ดำเนินคดี

เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ส.ต.อ.ปัญญา ได้มั่วสุมดื่มสุราในห้องพัก และส่งเสียงดังรบกวน และได้มีเพื่อนข้าราชการตำรวจไปตักเตือนให้หยุด แต่ ส.ต.อ.ปัญญา กลับด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และเข้ามาทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกัน และผู้บังคับบัญชาได้เรียกตัวมาทำทัณฑ์บนไว้

พ.ต.อ.สุวัฒชัย มะลิทอง ผกก.สภ.นาวัง ในขณะนั้น ได้เรียกเจ้าตัวมาสอบถาม และเจ้าตัวได้ยอมรับว่า ได้เสพสารเสพติดตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้ว และรับปากกับผู้บังคับบัญชาว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้ทำการยึดอาวุธปืนประจำกาย ของ ส.ต.อ.ปัญญา ไว้ เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายต่างๆ

สภ.นาวัง ได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตามโครงการตำรวจสีขาว ไม่ให้ข้าราชการตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ยังได้รับรายงานว่า ส.ต.อ.ปัญญา ยังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.หนองบัวลำภู ได้เข้าตรวจค้นจับกุมปรากฏหลักฐานตามบันทึกจับกุม ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ส.ต.อ.ปัญญา ให้การรับสารภาพ

เมื่อถูกจับกุมได้ซักถาม ส.ต.อ.ปัญญา ได้ให้ถ้อยคำว่า “สูบยาบ้ามาตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนมียาบ้าเป็นร้อยๆ เม็ด ไม่เห็นมีใครมาจับกุม” อย่างไรก็ตาม ส.ต.อ.ปัญญา รับสารภาพว่า ยาบ้าของกลางที่ชุดจับกุมพบเป็นของตนเอง โดยได้รับมาจากอดีตตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการแล้ว

เมื่อ ส.ต.อ.ปัญญา ได้ถูกจับกุมและย้ายออกจากบ้านพักแล้ว ข้าราชการตำรวจ สภ.นาวัง รู้สึกผ่อนคลาย และทำงานโดยไม่มีความหวาดระแวงต่อเพื่อนร่วมงาน