เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายธีรนัย จารุวัสตร์ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับกรณีทีมข่าวของสำนักข่าว CNN ได้รุกล้ำเข้าไปในบริเวณเขตหวงห้ามของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู เพื่อทำการบันทึกภาพข่าวและเผยแพร่ออกอากาศ ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นจุดเกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่และห้ามสื่อมวลชนอื่นๆเข้าไปด้านใน หรือที่เรียกว่า crime scene

ถึงแม้ทีมข่าวของ CNN จะระบุในคลิปที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ว่า การเข้าจุดเกิดเหตุของตน “ได้รับอนุญาตแล้ว” แต่มีรายงานข่าวจำนวนหนึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มิได้อนุญาตให้ CNN หรือบุคคลภายนอกเข้าไปในจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด 

ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวฯ จึงปรึกษาหารือกัน พร้อมสรุปเป็นความเห็นและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. การปฏิบัติงานและนำเสนอข่าวของทีมข่าว CNN มีลักษณะที่ละเมิดหลักจริยธรรม ขาดการคำนึงถึงความเหมาะสม และสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดการเลียนแบบจากสื่ออื่นๆ 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นได้พบว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯอุทัยสวรรค์ ยังมีสถานะเป็นจุดเกิดเหตุอาชญากรรม มีการกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างชัดเจน การที่ทีมข่าว CNN เข้าพื้นที่ไปทำข่าวชิ้นดังกล่าว จึงเป็นการรุกล้ำเข้าจุดเกิดเหตุอาชญากรรม ซึ่งต่อให้ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่จริงตามที่ CNN กล่าวอ้าง ทีมข่าวก็ควรใช้วิจารณญาณว่าการเหยียบย่ำเข้าไปในจุดเกิดเหตุอาชญากรรมครั้งสำคัญเช่นนี้ พร้อมนำเอาอุปกรณ์ต่างๆเข้าไปถ่ายทำข่าวจากพื้นที่ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง 

นอกจากนี้ การเสนอข่าวของทีมข่าว CNN มีภาพและคลิปที่มีลักษณะอุจาดหวาดเสียว โดยไม่มีเหตุผลด้านประโยชน์สาธารณะอย่างชัดเจน อีกทั้งยังอาจสร้างความกระทบกระเทือนใจให้ผู้ชม โดยเฉพาะครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดของผู้สูญเสียในเหตุการณ์

อนึ่ง การกระทำของทีมข่าว CNN ยังเสี่ยงที่จะสร้างมาตรฐานที่อันตรายต่อจริยธรรมของบรรดาสื่อมวลชนอื่นๆที่ปักหลักทำข่าวอยู่ด้วย เนื่องจากผู้บริหารหรือบรรณาธิการของสำนักข่าว ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เมื่อเห็นการเข้าพื้นที่ของ CNN ก็อาจจะมีคำสั่งหรือกดดันให้ทีมข่าวของตนเองหาทางเอาภาพข่าวหรือเข้าพื้นที่ในลักษณะคล้ายกัน กลายเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะมีกรณีนักข่าวหรือช่างภาพละเมิดสิทธิ์หรือรุกล้ำพื้นที่ต้องห้าม เพื่อแข่งขันกันสร้างผลงาน 

2. ทั้งต้นสังกัด CNN และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่เกิดเหตุ ต้องเร่งสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น และชี้แจงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างเร่งด่วน  เพื่อให้เป็นที่กระจ่างว่า มีการให้อนุญาต CNN เข้าพื้นที่จริงหรือไม่ 

หากมีการให้อนุญาตจริง ต้องมีคำตอบว่าใครเป็นผู้อนุญาต และให้อนุญาตด้วยเหตุผลอันใด แต่ถ้าหากไม่มีการอนุญาตจริงตามที่ CNN อ้าง ทางต้นสังกัด CNN ต้องชี้แจงว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมไทยอย่างไร ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ก็ต้องตอบสังคมด้วยเช่นกันว่าเหตุใดจึงมีการปล่อยปละละเลยให้ทีมข่าวเข้าจุดเกิดเหตุโดยพลการ และจะมีการดำเนินการทางกฎหมายในกรณีนี้หรือไม่ อย่างไร 

3. ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกสำนัก นำเอากรณีนี้มาเป็นอุทาหรณ์และถอดบทเรียนร่วมกัน ไม่เลียนแบบหรือแข่งขันกันให้ได้มาซึ่งข่าวหรือภาพในลักษณะคล้ายกัน 

ท้ายสุดนี้ ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวฯ ขอชื่นชมที่สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศส่วนใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่และรายงานข่าวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ได้อย่างเหมาะสมและเป็นไปตามหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อ พร้อมกับเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว รักษามาตรฐานการทำงานของตนสืบไป สำหรับกรณีส่วนน้อยที่การนำเสนอข่าวมีปัญหาเชิงจริยธรรมและได้ขออภัยไว้แล้ว ก็ขอเป็นกำลังใจให้แก้ไขปรับปรุงการทำงานและพิสูจน์ตนเองกับสังคมเช่นกัน.