เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่น่าจับตาในช่วงเวลานี้เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้

แหล่งข่าวระดับสูงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มี ส.ส. หลายคนได้ตัดสินใจย้ายพรรค ในการเลือกตั้งส.ส. ที่จะเหลือเวลาอีกราว 6 เดือนโดยจะแบ่งเป็น 2 ล็อตโดยล็อตแรก ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.เป็นต้นไป เพราะหากสภาผู้แทนราษฎร ครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.66อีกทั้งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 105 เขียนยกเว้นไว้ว่า ในกรณีที่อายุของสภาผู้แทนราษฎร เหลือไม่ถึง 180 วัน ไม่ต้องมีเลือกตั้งซ่อม เปิดโอกาสให้ ส.ส.ย้ายไปอยู่สังกัดพรรคใหม่ได้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคฝ่ายค้านจำนวน 29 คน ปรากฎตัวเมื่อวันที่ 4 ต.ค.65 ที่ จ.บุรีรัมย์ ในงานวันเกิดครบรอบ 64 ปี ของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ทั้งนี้ในจำนวน ส.ส. 29 คน เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 8 คนคือ 1.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 2.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 3.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 4.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 5.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 6.นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี 7.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี 8. นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี

แหล่งข่าวระดับสูงพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า ส่วนการย้ายพรรค ล็อตที่ 2 คือวันที่ 24 ธ.ค.65 เป็นต้นไปเพราะเป็นวันนับถอยหลัง 90 วัน ของอายุสภาผู้แทนราษฎร ที่กฎหมายกำหนให้คนที่จะลงสมัคร ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 97 (3) และเว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลา 90 วันดังกล่าวให้ลดลงเหลือ 30 วัน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็เกิดการไหลออกของส.ส. จากสาเหตุสภาพความขัดแย้งร้าวลึกภายในพรรคที่สั่งสมมานาน 1-2 ปี โดยเฉพาะคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจในพรรค “บริวารเป็นพิษ” จนไม่สามารถประสานรอยร้าวที่ลึกได้

รายงานข่าวพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ส.กทม. เป็นกลุ่มที่เตรียมย้ายพรรคมากที่สุด เพราะกระแสพรรคพลังประชารัฐตกต่ำ และมีโอกาสจะสอบตกในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยจะลาออก ในช่วงต้นถึงกลางเดือน ธ.ค.โดยล่าสุด พบว่า มี ส.ส.ส่วนหนึ่งจะย้ายไปกับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำ ส.ส.กทม. ได้แก่ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ประธาน ส.ส.กทม. นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.กทม. นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะย้ายตามอีกจำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยในโควตากลุ่มของนายพุทธิพงษ์

ส่วนน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทยและอาจขึ้นไปอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อในโควตาของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรค ขณะที่ น.ส. กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการปิดการเจรจาดีลลับเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ส.ส.กลุ่มปากน้ำจำนวน 6 คน ที่แสดงความชัดเจนในการลงมติไม่ไว้วางใจพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมถึงมีปัญหากับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรค อย่างรุนแรงทั้งการเมืองระดับชาติ และการเมืองท้องถิ่น ก็ยังสงบนิ่ง และมีโอกาสย้ายพรรคค่อนข้างสูง เพราะโดย ทีม 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ได้แก่ 1. นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก 2. นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ 3. .ส.ภริม พูลเจริญ 4. นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 5. นายอัครวัฒน์ อัศวเหม และ 6. นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ

นอกจากนี้นายสุชาติ ผอ.พรรค ยังมีปัญหากับนายสนธยา คุณปลื้ม ด้วยและส.ส.สังกัดกลุ่ม “คุณปลื้ม” ก็ จะไม่ไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยจะกลับไปฟื้นพรรคพลังชล ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เช่นเดียวกับ “กลุ่มพ่อมดดำ” นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ก็ จะย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตามที่น่าจับตาคือ ความเคลื่อนไหวของ กลุ่ม “สามมิตร” ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมที่มี ส.ส.ในกลุ่มไม่ต่ำกว่า 20 คน ขณะนี้ยังสงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวใดๆ.