เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่สวนจตุจักร เขตจตุจักร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้กับผู้แทนหอการค้าอินเดีย-ไทย ว่า วันนี้ช่วงเช้าอุณหภูมิต่ำประมาณ 22 องศาเซลเซียส ถือว่าอากาศดีนะ เหมาะกับการออกกำลังกาย แต่สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มเติมคงจะเป็นอัคคีภัย เนื่องจากความชื้นในอากาศเริ่มลดลง อากาศแห้งขึ้นโอกาสที่จะติดไฟก็สูง ต้องเข้มงวดเรื่องอัคคีภัย

และถึงแม้อากาศเริ่มหนาวแล้ว แต่จากรายงาน ยังมีพายุฝนอีกลูกหนึ่งที่จะเข้ามาในประเทศไทย คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ กทม.ไม่มาก อย่างไรก็ตาม กทม.เตรียมพร่องน้ำเพื่อรับมือไว้แล้ว และจากการติดตามสถานการณ์น้ำ สิ่งที่ กทม.เฝ้าระวังมากที่สุดตอนนี้คือปริมาณน้ำเหนือและฝนที่จะตกเพิ่ม โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝน หากไม่มีเพิ่มเติมก็ไม่มีอะไรน่ากังวลมาก แต่ยังวางใจไม่ได้เพราะ กทม.ยังไม่ปลอดภัยจากปริมาณน้ำท่วม 100% คาดว่าจะมีระดับน้ำขึ้นสูงอีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน

ซึ่งตลอดช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ทำให้ กทม.รู้จุดอ่อนเรื่องการจัดการปัญหาน้ำท่วมมากขึ้น เช่น เขตบางพลัด ชุมชนวัดเทพนารี เกิดรอยรั่วบริเวณใต้เขื่อนซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องจัดการแก้ไขต่อไป หรือเขตอื่นๆ ซึ่งจุดเหล่านี้ต้องเร่งเสริมจุดอ่อนให้มากขึ้นก่อนที่น้ำจะมาอีกระลอก

นายชัชชาติ กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำต่างๆ ที่ผ่านมา เป็นบทเรียนสำหรับการปรับแผนจัดการน้ำในปีหน้า โดยเฉพาะแผนระดับเขตหรือเส้นเลือดฝอย ยังพบหลายจุดที่มีปัญหา เช่น การลอกคลอง ท่อระบายน้ำ และปัญหาเครื่องสูบน้ำไม่พอ อีกเรื่องหนึ่งคือ การประสานงานกับกรมชลประทาน ต้องมีการคุยกันมากขึ้น เรื่องการระบายน้ำออกจากเขตลาดกระบัง ซึ่งกรมชลประทานมีแผนจัดการน้ำในภาพรวมเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ไว้แล้ว ส่วนเรื่องฝน ตนมองว่า อนาคตอาจมีฝนมากขึ้นจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก ส่งผลให้ต้องปรับแผนการรับมือต่างๆ มากขึ้น เช่น ทิศทางในการระบายน้ำเหนือ รวมถึงการทำทางด่วนน้ำออกทางตะวันออกตามแผนของกรมชลประทาน ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักจริง แต่ กทม.ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเขตที่มีน้ำท่วมอยู่บริเวณชั้นนอกของกรุงเทพมหานคร เช่น เขตลาดกระบัง เขตหนองจอก เขตมีนบุรี ส่วนใหญ่ฝนตกแล้วมีการระบายน้ำได้เร็ว ทำให้ตนเริ่มเห็นแนวทางว่า เส้นเลือดฝอยสำคัญมาก ขณะเดียวกันเส้นเลือดใหญ่ก็ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการตอนนี้คือ อุโมงค์บึงหนองบอน ซึ่งมีปัญหาอุโมงค์ชำรุดเสียหาย ต้องรีบแก้ไข เพราะเป็นจุดสำคัญในการผลักดันน้ำในคลองประเวศสู่ฝั่งทิศตะวันออก

นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมว่าโครงการเมกะโปรเจคท์ที่ดำเนินการอยู่ต้องทำควบคู่ไปกับเส้นเลือดฝอย เป็นช่วงเวลาให้เราร่วมมือร่วมใจกัน ศักยภาพของ กทม.เรามีคนเก่งเยอะ ตั้งใจทำงาน เราต้องให้กำลังใจและให้ทรัพยากรเขา

นอกจากนี้ นายชัชชาติ เปิดเผยว่า สิ่งที่ กทม.กำลังเตรียมรับมือต่อเนื่องคือเรื่องฝุ่น PM2.5 รวมถึง การเผาชีวมวล การควบคุมรถปล่อยควันดำ ทั้งนี้ มาตรการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น กทม.ได้ดำเนินการมาเป็นเดือนแล้ว โดย กทม.ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการฝุ่นขึ้น เพื่อดูแลปัญหาต่างๆ เหล่านี้แล้ว ส่วนเรื่องการเตือนภัยก็ต้องดูให้ละเอียด และมีการเตือนล่วงหน้า มีการติดตั้งระบบที่โรงเรียน และจะเร่งดำเนินการเรื่องการเตือนภัย พยากรณ์ และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงจัดเตรียมหน้ากากป้องกันฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางด้วย.