สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวนอกรอบการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ความเป็นเอกภาพของยุโรปเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรวมถึง “มิตรภาพและความเป็นพันธมิตร” ระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส
#French, #German meeting postponed as cracks emerge over energy, defence https://t.co/FbP1T44JgK with @MichelReuters
— John Irish (@IrishJReuters) October 19, 2022
ท่าทีดังกล่าวของมาครงเกิดขึ้น ท่ามกลางรายงานหลายกระแสที่ระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศส เลื่อนกำหนดการหารือแบบพบหน้าระดับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าไปจนถึงเดือน ม.ค. ปีหน้า “เป็นอย่างน้อย” เนื่องจากสองประเทศมหาอำนาจของยุโรป ยังคงมีความเห็นไม่ลงรอยกัน เกี่ยวกับนโยบายระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค ในด้านพลังงานและกลาโหม
ทั้งนี้ แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ผู้นำฝรั่งเศสไม่พอใจที่รัฐบาลเบอร์ลิน ประกาศมาตรการด้านพลังงานมูลค่า 200,000 ล้านยูโร (ราว 7.49 ล้านล้านบาท) เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปรึกษาหารือล่วงหน้ากับรัฐบาลปารีส และการที่เยอรมนีกับสเปน มีแผนก่อสร้างท่อส่งก๊าซข้ามเทือกเขาพิรินี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่ฝรั่งเศสมองว่า ไม่สอดคล้องกับนโยบาย “พลังงานสีเขียว” และการที่เยอรมนีเป็นตัวตั้งตัวตีให้ยุโรป จัดซื้อระบบป้องกันทางอากาศของสหรัฐ มากกว่าจะใช้งานสินค้าที่ผลิตในยุโรปด้วยกัน
Spanish Prime Minister Pedro Sanchez and German Chancellor Olaf Scholz presented a united front on reviving a gas pipeline project that would require support from France.
— DW Politics (@dw_politics) October 6, 2022
Hydrogen generated from renewable sources would later be transported through the pipeline. pic.twitter.com/kTGL3hTlqW
ด้านนายชเตฟเฟน เฮอเบอชไตรต์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ จะไม่หารือกับฝรั่งเศส “ในประเด็นที่ไม่สามารถตกลงร่วมกันได้” อย่างไรก็ตาม เฮอเบอชไตรต์ ยืนยันว่า ผู้นำเยอรมนีจะพบหารือกับมาครง นอกรอบการประชุมอียูครั้งนี้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES