เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงกลางดึกคืนวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางเพจเฟซบุ๊ก สวนสัตว์พาต้า ได้โพสต์แถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขาย ลิงกอริลลา “บัวน้อย” ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า จากกรณีที่มีข่าวจากหลายสำนัก ได้ให้ข้อมูลถึงการที่สวนสัตว์พาต้า ตั้งราคาขายลิงกอริลลา ชื่อ บัวน้อย ดาวเด่นของสวนสัตว์ ในราคา 30 ล้านบาทนั้น บัดนี้ ทางผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า รวมทั้งในส่วนของบริษัท สวนสัตว์พาต้า จำกัด ขอให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ ทางเพจของสวนสัตว์พาต้า เพียงช่องทางเดียวว่า

พาต้าขาย30ล้าน! ทส.ระดมทุนช่วย ‘บัวน้อย’ กอริลลาตัวสุดท้ายกลับไปตายบ้านเกิด

ผู้บริหารของห้างฯ พาต้าในชุดปัจจุบัน ได้เข้ามาบริหารงานตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2563 ซึ่งจนถึงวันนี้ ทางผู้บริหารผู้มีอำนาจตามกฎหมายของบริษัท ขอยืนยันว่า ไม่เคยเจรจาซื้อขายบัวน้อยกับผู้ใดและหน่วยงานใด ในทางกลับกัน ยังปฏิเสธการเคลื่อนย้ายบัวน้อย ตามที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เคยสอบถาม และได้ตอบกลับไปอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยสาเหตุที่ไม่มั่นใจในการปรับตัวของบัวน้อย ลิงกอริลลาในวัยชราที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยความคุ้นเคยต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดเชื้อโรคใด ๆ เป็นเวลากว่า 30 ปี

ทั้งนี้ผู้บริหารชุดปัจจุบันขอย้ำอีกครั้งว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือหน่วยงานใดที่สนใจติดต่อเข้ามาเพื่อใช้เวลาศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลจากในสถานที่ และตัวตนที่แท้จริงของบัวน้อย โดยเฉพาะผู้ที่ให้สัมภาษณ์ หรือตลอดจนผู้ที่คิดจัดตั้งโครงการใด ๆ เกี่ยวกับบัวน้อยนั้น ก็ยังไม่เคยมีผู้หนึ่งผู้ใด เข้ามาศึกษาใช้เวลาในสถานที่แห่งนี้ ถึงความเป็นไปได้ในโครงการของตนเองก่อนการนำเสนอ ซึ่งถือเป็นความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก สำหรับการเลี้ยงลิงกอริลลาให้อยู่รอดภายในสวนสัตว์ ซึ่งที่ผ่านมาในแง่นี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นที่พิสูจน์ได้ จนวันนี้บัวน้อยอยู่ในวัยชรา บั้นปลายสุดท้ายของชีวิตตามอายุขัยของลิงกอริลลา ซึ่งทางสวนสัตว์พาต้าเองก็ได้มีการประชุมเรื่องการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ด้วยความตระหนักดีว่า ในอายุขัยเช่นนี้ บัวน้อย ลิงกอริลลาล้ำค่าตัวสุดท้ายของประเทศไทย สามารถตายจากเราไปได้ทุกเมื่อ

และเป็นการยากถึงยากที่สุดที่นับต่อจากนี้อีกหลายปีหรือหลายสิบปี จะได้มีโอกาสได้เห็นลิงกอริลลาตัวต่อไปภายในประเทศไทยของเรา หากแต่มุมมองของความต้องการให้บัวน้อยกลับไปตายที่ประเทศต้นกำเนิดตามที่หลายฝ่ายต้องการนั้น อาจเป็นเรื่องที่สามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปได้ แต่ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องต่อกิจการสวนสัตว์ ไม่สมควรใช้คำว่า “ติดคุก” กับสัตว์ในสวนสัตว์

ทั้งนี้ ทางสวนสัตว์พาต้าจะไม่ขอกล่าวถึงสนธิสัญญาไซเตส (CITES) ที่ห้ามซื้อขายสัตว์ต้องห้ามบางจำพวก เช่น ลิงกอริลลา เพียงแต่ต้องการให้ข้อมูลความจริงว่า ที่ผ่านมา สวนสัตว์พาต้า ได้ให้ความรักและการดูแลเอาใจใส่กับบัวน้อยอย่างดีที่สุด ถึงแม้ระยะหลังบริษัทจะต้องประสบกับภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารผู้มีอำนาจจะได้เจรจาหรือตั้งราคาบัวน้อยเพื่อให้ได้มาซึ่งการทดแทนด้วยผลกำไรจากสิ่งที่เรารัก และหวงแหนมากที่สุด สุดท้าย ขอให้ข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่นำพาไปสู่ความเข้าใจ จากผู้ที่มีความรัก ความผูกพันต่อสิ่งมีชีวิต เช่นบัวน้อย และทีมงานสวนสัตว์พาต้า จากใจ บริษัท สวนสัตว์พาต้า จำกัด
ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีการโพสต์ชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวออกไป ต่างก็มีชาวเน็ตเข้ามาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งยังคงให้กำลังใจทางสวนสัตว์ที่พยายามดูแล “บัวน้อย” อย่างดีมาโดยตลอด ขณะที่อีกฝ่าย ก็อยากให้ผู้มีอำนาจและฝ่ายงานเกี่ยวข้อง ลองเข้ามาศึกษาการเลี้ยงดูของทางสวนสัตว์ ให้เกิดความแน่ชัดก่อนจะทำโครงการอะไร และร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ด้วย.

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สวนสัตว์พาต้า