เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่าตามข้อสั่งการของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด กระทั่งเมื่อวานนี้(14 ส.ค.) จึงประสาน นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายบรรจง รสจันทร์ นายก อบต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคลิตี้ หมู่ 4 ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.6 (พุเตย) เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.18 (วังเกียง)และเจ้าหน้าที่ สปป.1 ภาคกลาง รวม 20 นาย ไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณบ้านคลิตี้ หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2559 อุทยานแห่งชาติลำคลองงู แจ้งความดำเนินคดีต่อ ลูกชายอดีต ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ข้อหา ปลูกสร้างและยึดถือ ครอบครองอุทยานแห่งชาติลำคลองงูโดยมิได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ เข้าตรวจสอบดำเนินคดี ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2561 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสังไม่ฟ้องจำเลยเพราะขาดเจตนาในการกระทำผิด จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 จำเลยได้ถึงแก่ความตายกองมรดก รวมทั้งสิทธิ และหน้าที่ต่างๆ ย่อมตกแก่ทายาทโดยธรรมทันที จึงลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพืชผล อาสิน ของลูกชาย อดีต ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยอมรื้อถอน โรงเรือน 5 หลัง สวนยางพารา ปาล์ม ไผ่ตงและพืชไร่ รวม 592 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา มูลค่าที่ดินและทรัพย์สิน ประมาณ 30 ล้าน ที่ปลูกสร้างบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู

โดยเห็นว่าถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรีจะมีคำสั่งไม่ฟ้องจำเลย และจำเลยถึงแก่ความตายไปแล้วก็ตาม แต่ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู หัวหน้าอุทยานฯมีอำนาจประกาศคำสั่งให้ทายาทโดยธรรมของจำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินออกไปให้พ้นจากเขตอุทยานฯได้ หากไม่ยอมรื้อถอนจะมีความผิดตาม มาตรา 35 (2) พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562ฉบับใหม่ จำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ โดยหลังจากได้ปิดประกาศคำสั่ง ให้ทายาทโดยธรรมของจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพืชผล อาสิน ดังกล่าวไปวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทายาทโดยธรรมจึงยินยอม และว่าจ้างคนงาน เข้ารื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินดังกล่าวทั้งหมด โดยดำเนินการตั้งแต่หลังวันปิดประกาศคำสั่งมาจนถึงวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรื้อถอนเรียบร้อยแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จะร่วมกับ อบต.ชะแล และชาวบ้านบ้านคลิตี้ จะพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดเกือบ 600 ไร่ ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีป่าไม้สมบูรณ์ และติดต่อกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ให้เป็นทุ่งหญ้าแหล่งอาหารสัตว์ป่า แหล่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชมสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าเป็นซาฟารีเมืองกาญจนบุรี ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นมีรายได้ จากการท่องเที่ยวแห่งใหม่ โดยได้ร่วมกันตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ใหม่ว่า”ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า ตำบลชะแล อุทยานแห่งชาติลำคลองู” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างชุมชนในท้องถิ่น กับอุทยานแห่งชาติลำคลองงู อย่างยั่งยืนต่อไป