เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “วิเคราะห์ม็อบ15 ส.ค.” โดยระบุว่า

1.ไม่แตะต้องสถาบัน ไม่ใช้ความรุนแรง จึงเป็นม็อบที่มีพลังกว่าม็อบที่สร้างความรุนแรง

2.มีธงการเมืองเรื่องเดียวชัดเจนคือไล่นายกรัฐมนตรี

3.มีการจัดม็อบในกรุงเทพฯ 3 สาย มาจากภาคตะวันออก อยุธยาและนครปฐม-ราชดำเนิน ขบวนประกอบด้วยประชาชนมอเตอร์ไซค์และรถเก๋ง มีประชาชนโบกมือ แสดงท่าทางเห็นด้วยตามสองข้างทาง ประสานกับการเคลื่อนม็อบในหลายจังหวัด จบการโหนกระแสทางสื่อ และ Social Media ด้วย

4.ปรากฏการณ์ดังกล่าว แสดงว่า การเคลื่อนม็อบหลายครั้งก่อนหน้านี้ต้องถอยกลับมายังขั้นตอนของการระดมพล และแก้ปัญหาจากที่ม็อบก่อความรุนแรงทำไว้ แต่ “ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลัง ออกเป็นหลายจุด คือจุดที่ตั้งม็อบแต่ละสาย จุดปลายทางที่ม็อบไป และเป้าหมายหลัก” ที่ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น กำลังมากก็ถูกสภาพบังคับให้กระจายกลายเป็นน้อย ทำให้ปัญหาการใช้พลังของม็อบ มีความโดดเด่นมากขึ้น

5.ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น!!!

6.พึงสังเกตเรื่องการรวมศูนย์กำลัง การกระจายกำลัง และการใช้กำลังต่อไป!!!!

7.มีการสั่งการทางเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังสถานีตำรวจต่างๆ มากขึ้น ซึ่งต้องจับตาตรงนี้ไว้ให้ดี! เพราะนี่คืออาการของควันไฟอย่างหนึ่ง ผมไม่ให้ราคากับม็อบที่ก่อความรุนแรง แต่ให้ความสนใจกับม็อบลักษณะนี้มากกว่า เพราะสนุกในการคิดว่า จะขยับหมากอะไรกันอย่างไรต่อไป

8.ขณะนี้ม็อบยังไม่สามารถทำให้เกิดสภาวะรัฐล้มเหลวได้ แต่สภาวะดังกล่าวกำลังเกิดขึ้น จากมาตรการต่างๆ ของรัฐเอง

ล่าสุดดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรี กำลังแก้ไขจุดนี้อยู่ และน่าจะทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!

ซุนวูเคยกล่าวไว้ว่า ใครเชื่อคำแนะนำนี้และนำไปใช้ได้ ก็จงตั้งเป็นขุนพล ใครไม่เชื่อคำแนะนำนี้ก็จงปลดออกไปเสียจากหน้าที่ ก่อนหายนะจะเกิดขึ้น.