เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ออกเดินทางจากทำเนียบรัฐบาล ภายหลังให้การต้อนรับนายปีร์กะ ตาปีโอละ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ที่เข้าพบในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรี ใช้เส้นทางเลี่ยงออกจากทำเนียบฯทางประตูน้ำพุ เลียบคลองผดุงกรุงเกษมไปยังวัดโสมนัส โดยมีภารกิจร่วมงานศพ ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก

สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้มีการนำรั้วเหล็กและรั้วลวดหนามหีบเพลง ปิดการจราจรทุกเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ แยกพาณิชการ จากแยกมิสกวัน แยกวัดเบญจมบพิตร-แยกนางเลิ้ง และสะพานเทวกรรม ถึงแยกพาณิชการ ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล ในระยะ 200 เมตร พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันติบาล พร้อมตำรวจจาก สน.นางเลิ้ง ดูแล ความเรียบร้อยพื้นที่ชั้นใน และได้เตรียมกำลังตำรวจควบคุมสูงชน ไว้ 6 กองร้อย ดูแลความปลอดภัยโดยรอบ เพื่อสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมหากเกิดเหตุชุลมุนหรือความไม่สงบ

อย่างไรก็ตามได้มีการเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน จอดไว้ฝั่งประตูห้าทำเนียบรัฐบาลตรงข้ามกับกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมรถน้ำ และรถควบคุมผู้ต้องขังอีก 3 คัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะจัดทีมเจ้าหน้าที่บันทึกภาพและเสียง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้ชุมนุม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้ตลอดการชุมนุมทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมไปแล้ว 223 คดี แบ่งเป็นสอบสวนและส่งฟ้องอัยการไปแล้ว 163 คดี ระหว่างการสอบสวน 60 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บเกี่ยวกับการชุมนุม.