“เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ (เป็นถ้วยถาวรนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2565) ในการแข่งขัน “หนูน้อยขาไถ ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2565” (Balance Bike Thailand Championships 2022) ให้แก่นักปั่นรุ่นจิ๋วที่ทำคะแนนสะสมสูงสุดในการแข่งขันทั้งหมด 4 สนาม ระหว่างเดือน ธ.ค.65 ถึงเดือน ม.ค.66 พร้อมทั้งพระราชทานเหรียญที่ระลึกที่มีพระนามาภิไธยย่อ “สธ.” ให้แก่หนูน้อยนักปั่นที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน เพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลสืบไป

สำหรับการแข่งขันจักรยาน “หนูน้อยขาไถ ชิงแชมป์ประเทศไทย” กำหนดแถลงข่าวในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. ที่อาคารเอฟบีที สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ถนนรามคำแหง หัวหมาก กทม. โดยมีการแข่งขันทั้ง 4 สนาม จัดขึ้นที่สวนกีฬากมล (Kamol Sport Park) ของบริษัท โรงงานฟุตบอลล์ไทย สปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด หรือ “เอฟบีที” ถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก กทม. ประเดิมสนามแรกในวันที่ 11 ธ.ค.65 สนามที่ 2 วันที่ 18 ธ.ค.65 สนามที่ 3 วันที่ 8 ม.ค.66 และสนามสุดท้าย ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติ 2566 ในวันที่ 14 ม.ค.66 ซึ่งเมื่อครบทั้ง 4 สนาม หนูน้อยที่มีคะแนนรวมในแต่ละรุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุไม่เกิน 2 ขวบชาย-หญิง, รุ่นอายุ 2 ขวบชาย-หญิง, รุ่นอายุ 3 ขวบชาย-หญิง, รุ่นอายุ 4 ขวบชาย-หญิง, รุ่นอายุ 5 ขวบชาย-หญิง, รุ่นอายุ 6 ขวบชาย-หญิง, รุ่นโอเพ่น 7-10 ขวบ ชาย-หญิง และรุ่นโอเพ่น สมอล อายุไม่เกิน 4 ขวบ 6 เดือนชาย-หญิง จะได้ครองถ้วยพระราชทานฯ ทุกรุ่นอายุ รวม 16 รุ่น

“การแข่งขันหนูน้อยขาไถในแต่ละสนาม จะใช้รูปแบบที่แตกต่างกันเพื่อความหลากหลาย โดยสนามที่ 1 และสนามที่ 4 จะใช้รูปแบบปั๊มเรซซิง ใช้สนามขาไถในสวนกีฬากมล ส่วนสนามที่ 2 และสนามที่ 3 จะปรับมาใช้รูปแบบครอสคันทรี่ และแบบเรซซิง เพื่อให้นักปั่นรุ่นจิ๋วได้ใช้ทักษะในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันได้อย่างเต็มที่ เป็นการเปิดโอกาสให้นักปั่นรุ่นจิ๋วอายุระหว่าง 2-7 ขวบ ประชันความสามารถเพื่อเป็นการปลูกฝังความรักในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาให้แก่ยุวชนไทยตั้งแต่อายุน้อยๆ ในบรรยากาศการแข่งขัน ซึ่งจะสร้างสำนึกการเป็นนักกีฬาที่ดี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยแก่ยุวชนของชาติต่อไปในอนาคต อีกทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้ประเทศชาติประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุข” พล.อ.เดชา กล่าว.