สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด กล่าวถ้อยแถลงประจำปีต่อที่ประชุมรัฐสภา ในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันจันทร์ เนื่องในโอกาสวันชาติ 17 ส.ค.ของทุกปี มีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อทุกมิติทางสังคมของอินโดนีเซีย ประเทศซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ วิโดโดกล่าวว่า วิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิรูปโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง อินโดนีเซียต้องบูรณาการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข ให้ขับเคลื่อนควบคู่กันได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยผู้นำอินโดนีเซียกล่าวถึงอัตราการครองเตียงในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคโควิด-19 บนเกาะชวา ว่ามีแนวโน้มลดลงมาก จากที่เคยสูงถึงประมาณ 90% เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เหลือเพียง 29.4% เท่านั้นในเดือนนี้
บรรยากาศการประชุมร่วมสองสภาของอินโดนีเซีย จัดภายใต้มาตรการควบคุมทางสังคมอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19
ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของอินโดนีเซีย ขยายตัวที่อัตรารายปี 7% อย่างไรก็ตาม มาตรการล็อกดาวน์บนเกาะชวาและเกาะบาหลี ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ มีแนวโน้มสูงที่จะส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจของไตรมาสที่สาม
ทว่ารัฐบาลของวิโดโดเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย นับตั้งแต่อินโดนีเซียเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกแรกของโรคโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ว่าภาครัฐไม่สามารถดำเนินการควบคุม "ได้อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ" ในมุมมองของบรรดาบุคลากรการแพทย์ ซึ่งเห็นว่า รัฐบาลเลือกเทน้ำหนักไปทางระบบเศรษฐกิจของประเทศ มากกว่าการปกป้องระบบสาธารณสุขให้รอดพ้นจาก "ความล่มสลาย" ซึ่งวิโดโดกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยว่า เขาน้อมรับฟังทุกคำวิจารณ์จากทุกฝ่าย "โดยเฉพาะในเรื่องที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้".