สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพุธ เกี่ยวกับการที่ นายอีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจหมายเลขหนึ่งของโลก ซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์ เมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า นับจากนี้ ความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างมัสก์กับ “ประเทศอื่น” ถือเป็น “เรื่องที่ควรค่าแก่การจับตา” และการที่ มัสก์ ซื้อกิจการทวิตเตอร์ “ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่” ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า “ยังไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพูดถึง”
ELON MUSK: President Biden: "I think that Elon Musk's cooperation and/or technical relations with other countries is worthy of being looked at." pic.twitter.com/KKjb0yCxUH
— Forbes (@Forbes) November 9, 2022
ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังพิจารณาตั้งคณะทำงาน เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคง เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของทวิตเตอร์ รองจากมัสก์ คือ บริษัทโฮลดิ้งแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ( เคเอชซี ) และสำนักงานของเจ้าชายอัล วาลีด บิน ทาลาล อัล ซาอุด และปัจจุบัน กองทุนความมั่นคั่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ทรงดำรงตำแหน่งประธาน เป็นผู้ถือครองหุ้นรายใหญ่ที่สุดในเคเอชซี
นอกจากนี้ มัสก์ ถือเป็นนักธุรกิจตะวันตกเพียงไม่กี่คน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลปักกิ่ง จากการที่นครเซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในต่างประเทศ ขนาดใหญ่ที่สุดของเทสลา อย่างไรก็ตาม ต่อมาทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ว่าแผนการดังกล่าว “ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES