เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุ ทั้งนี้ มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องความคืบหน้าการดำเนินคดีกับชาวจีน ซึ่งเปิดผับกลางกรุง ทั้งนี้ธุรกิจสีเทาที่เปิดในประเทศไทย กระทบต่ออธิปไตยของประเทศและความเชื่อมั่นใจกระบวนการยุติธรรม จากกรณีเจ้าหน้าที่บุกจับผับลับชาวจีน ย่านยานนาวา ที่เป็นธุรกิจสีเทา พบของกลางยาเสพติดจำนวนมาก ผับลักษณะนี้มีทั้งย่านรัชดาภิเษก ห้วยขวาง รับเฉพาะลูกค้าชาวจีน ไม่รับคนไทย มีการรับฝากยาเสพติด ขณะที่เหล้า และเครื่องดื่มต่างๆล้วนเป็นของจีนหมด ไทยไม่ได้อะไรเลย

เหตุใดปล่อยให้ตั้งผับสีเทากลางกรุงได้อย่างไร และพบว่า นายหาวเจ๋อตู้ หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่เกี่ยวกับสถานบริการแห่งนี้ บริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้พรรคการเมืองหนึ่ง และอยากทราบขั้นตอนการแปลงสัญชาติไทยให้นายหาวเจ๋อตู้ ทำไมทำได้ง่ายๆ เพราะกรณีให้คนต่างชาติมาทำธุรกิจผิดกฎหมายกลางกรุง เป็นทุนสีเทาที่ครอบงำประเทศไทย กระทบอธิปไตยและความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมประเทศ ทราบว่า มีอิทธิพลนักการเมืองระดับประเทศคอยช่วยเหลือ และอดีตนายตำรวจใหญ่เกี่ยวข้อง จริงหรือไม่ จะให้ความเชื่อมั่นอย่างไรจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ทางด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ตอบกระทู้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ยอมให้บุคคลต่างด้าว ทำสิ่งผิดกฎหมายในประเทศ โดยคดีที่ถูกจับกุมนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นพบว่าหลบหนี โดยอินเตอร์โพลได้ขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจสีเทาในประเทศนั้น พบมี 3 กรณี คือ หลอกลวงให้ลงทุน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสถานบริการโดยให้บริการกับคนสัญชาติเดียวกัน อย่างไรก็ดีเรื่องคดีนั้น รอง ผบ.ตร. เร่งรัดดำเนินการ หากใครผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามกฎหมาย

“กลุ่มทุนสีเทาต่างชาติประกอบธุรกิจผิดกฎหมายเป็นกระบวนการมีหลายกลุ่มเชื่อมโยงกันหมด การสืบสวนสอบสอบปัจจุบัน เน้นสืบถึงความเชื่อมโยงกันใน 3 ธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในทุกกลุ่มที่ครอบคลุมโดยเร็ว ทั้งนี้ นายกฯเร่งรัดดำเนินการ เบื้องต้นคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน รัฐบาลขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า กลุ่มทุนผิดกฎหมายที่กระทบต่อความมั่นคง ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ใช้ทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับกลุ่มทุนพวกนี้”

พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงด้วยว่า กรณีเงินบริจาคพรรคการเมืองนั้น เป็นอำนาจที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรับผิดชอบ ฐานะกำกับดูแล อย่างไรก็ดีการออกสัญชาตินั้น นายกฯสั่งการให้สืบสวนว่าเป็นไปตามระเบียบวิธีการหรือไม่.