สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน ( เอ็นเอชซี ) รายงานสถิติผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศ เพิ่มขึ้น 18,478 คน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยสถิตินี้ยังไม่รวมผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสถิติการยืนยันผู้ติดเชื้อ 11,950 คน เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา


เมื่อแยกออกเป็นรายภูมิภาค ปรากฏว่า กรุงปักกิ่งยืนยันผู้ป่วยใหม่ 235 คน เมืองกว่างโจว ซึ่งมีประชากรราว 19 ล้านคน และเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 3,653 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดของเมือง ขณะที่ เมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน และเป็นสถานที่ตั้งโรงงานประกอบไอโฟนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 2,642 คน เป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน


แม้แถลงการณ์ของเอ็นเอชซี ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนตอนนี้ “ยังคงรุนแรงและมีความซับซ้อน” อย่างไรก็ตาม เอ็นเอชซีประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับมาตรการ “7+3” มาเป็น “5+3” สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและผู้สัมผัสใกล้ชิด จากการเฝ้าระวังโรคในสถานกักกันของรัฐ 7 วัน และกักตัวต่อที่บ้านอีก 3 วัน ลงมาอยู่ที่ การกักตัวในสถานกักกันของรัฐ 5 วัน แล้วกักตัวต่อที่บ้านอีก 3 วัน


ขณะเดียวกัน เอ็นเอชซีประกาศยุติมาตรการติดตาม “ผู้สัมผัสระยะที่สอง” ที่หมายถึงบุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้สัมผัสใกล้ชิดโดยตรง ที่เป็นมาตรการควบคุมโรค ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนมากที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา


นอกจากนี้ รัฐบาลปักกิ่งผ่อนคลายมาตรการให้ผู้โดยสารเที่ยวบินจากต่างประเทศสู่จีน ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบสองครั้ง ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงครั้งเดียว ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง และยกเลิกมาตรการลงโทษสายการบิน ด้วยคำสั่ง “ระงับบินชั่วคราว” หากมีจำนวนผู้โดยสารติดโควิด-19 สะสมถึง “เกณฑ์อันตราย”.

เครดิตภาพ : REUTERS