สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน ( เอ็นเอชซี ) รายงานสถิติผู้ป่วยโควิด-19 เฉพาะจากภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 16,072 คน เพิ่มขึ้นจาก 14,761 คน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และเป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา


ขณะที่บรรดาเมืองใหญ่ของจีนยังคงมีจำนวนผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรุงปักกิ่งรายงานผู้ติดเชื้อ 407 คน เมื่อวันจันทร์ เพิ่มขึ้นจาก 235 คน เมื่อวันอาทิตย์ ด้านเมืองกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ยืนยันผู้ติดเชื้อ 4,065 คน เพิ่มขึ้นจาก 3,653 คน เมื่อวันอาทิตย์ ส่วนเมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน สถานที่ตั้งโรงงานผลิตไอโฟนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รายงานจำนวนผู้ป่วย 2,981 คน เพิ่มขึ้นจาก 2,642 คน เมื่อวันอาทิตย์


อย่างไรก็ตาม เอ็นเอชซีประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับมาตรการ “7+3” มาเป็น “5+3” สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและผู้สัมผัสใกล้ชิด จากการเฝ้าระวังโรคในสถานกักกันของรัฐ 7 วัน และกักตัวต่อที่บ้านอีก 3 วัน ลงมาอยู่ที่ การกักตัวในสถานกักกันของรัฐ 5 วัน แล้วกักตัวต่อที่บ้านอีก 3 วัน


ขณะเดียวกัน เอ็นเอชซีประกาศยุติมาตรการติดตาม “ผู้สัมผัสระยะที่สอง” ที่หมายถึงบุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้สัมผัสใกล้ชิดโดยตรง ที่เป็นมาตรการควบคุมโรค ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนมากที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา


นอกจากนี้ รัฐบาลปักกิ่งผ่อนคลายมาตรการให้ผู้โดยสารเที่ยวบินจากต่างประเทศสู่จีน ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบสองครั้ง ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงครั้งเดียว ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง และยกเลิกมาตรการลงโทษสายการบิน ด้วยคำสั่ง “ระงับบินชั่วคราว” หากมีจำนวนผู้โดยสารติดโควิด-19 สะสมถึง “เกณฑ์อันตราย”.

เครดิตภาพ : REUTERS