เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์กะทันหัน ที่ทำให้หลายคนแทบช็อก สำหรับการจากไปของนักแสดงชื่อดังขวัญใจคนไทยอย่าง “เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร” ดารารุ่นใหญ่ที่ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ด้วยอายุ 72 ปี ท่ามกลางความเสียใจและตกใจของแฟนๆ ทั้งประเทศ โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 68 เวลาประมาณ 16.00 น. ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ศาลา 7 ได้มีพิธีรดน้ำศพ ซึ่งงานนี้บุคคลใกล้ชิดและคนบันเทิง ได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับ เอ๋ ไพโรจน์ เป็นครั้งสุดท้าย อีกทั้งร่วมพิธีสวดอภิธรรมศพในเวลา 18.00 น. เป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ 2 พี่น้องผู้กำกับชื่อดัง “หลุยส์ สยาม-ลอร์ด สยม” ได้เดินทางมาในฐานะของคนในครอบครัว โดยเข้าร่วมพิธีรดน้ำศพของ เอ๋ ไพโรจน์ ซึ่งทั้งคู่ได้เผยความผูกพันที่มีให้กัน ในตอนที่ เอ๋ ไพโรจน์ ยังมีชีวิตอยู่

โดย สยาม เผยว่า “ครั้งสุดท้ายที่เจอพี่เอ๋ รู้สึกว่าจะนานแล้ว คือไม่ได้เจอกันเลยช่วงหลังๆ เพราะว่าแกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างกะทันหัน ซึ่งเราก็เจอกันทุกปี หลังวันเกิดของ “คุณพ่อไพรัช สังวริบุตร” พี่เอ๋ก็จะมาทำบุญ มาเจอกัน มารวมญาติกัน นอกนั้นก็จะโทรฯ คุยกัน ซึ่งในการทำงานของพี่เอ๋ พี่เอ๋เป็นคนตั้งใจสูงในแง่ของคนทำงาน เป็นคนทำภาพยนตร์ที่ละเอียดลออมาก ซึ่งละเอียดทุกขั้นตอน

สิ่งที่พี่เอ๋ฝากไว้ในวงการบันเทิง พวกเราก็ขอฝากผลงานเก่าๆ ของพี่เอ๋ ถ้าใครคิดถึง “พี่เอ๋ ไพโรจน์” ก็ขอให้ไปดูได้ เพราะว่าตอนนี้สมัยนี้ผลงานเก่าๆ หาดูได้ วันนี้เห็นคนมาร่วมรดน้ำเยอะ ก็รู้สึกดีใจแทนพี่เอ๋ว่า มีคนคิดถึงแก ถ้าพี่เอ๋ทราบพี่เอ๋คงดีใจ”

สยม เผยว่า “คือเรานานๆ เจอกันที เพราะช่วงโควิดแล้ว ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน พอเจอกันก็เป็นงานแบบนี้ ซึ่งเราก็คุยกันในโทรศัพท์บ้าง ส่วนอาการของพี่เอ๋คือเราไม่ทราบเลย ทราบแค่ว่าเขาทำบายพาสหัวใจ ซึ่งทำมาตั้งนานแล้ว คืออันนี้อาจจะต้องตรวจบ่อยๆ หรือเปล่าเราก็ไม่ได้ทราบ แต่พี่เอ๋เขาก็ดูแข็งแรง ดูหนุ่ม ดูไม่แก่ อยู่ๆ ก็ไป

สำหรับการร่วมงานกับพี่เอ๋ คือเมื่อสมัยก่อนในเรื่องของ “โกมินทร์” คือผมยังเด็ก ผมก็เลยเป็นโกมินทร์ตอนเด็ก แล้วพี่เอ๋ก็เล่นเป็นโกมินทร์ตอนโต ซึ่งหลังจากนั้นพี่เอ๋เขาเป็นดาราในเรื่อง “วัยอลวน” พออายุมาก พี่เอ๋ก็มากำกับละครเรื่อง “แหวนทองเหลือง” ซึ่งพี่เอ๋ก็เป็นทั้งศิลปินเป็นทั้งแสดงและมีความตั้งใจที่จะกำกับ พี่เอ๋เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก

ส่วนในการทำงานของพี่เอ๋ คือเขาตั้งใจ ซึ่งในแง่ของการกำกับภาพเขาก็จะละเอียด เขาจะมองภาพได้กว้างกว่า อารมณ์ก็จะเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ซึ่งเขาเป็นคนตั้งใจในการทำงานมาก ส่วนเรื่อง “ย่าม่าน” ที่พี่เอ๋ทำไว้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก็พอจะได้ยินมาบ้าง ซึ่งผลงานชิ้นนี้ น้องเบสจะเข้ามาทำ ถามว่าเราจะมาช่วยกันสานต่อจนเสร็จไหม คือพี่เอ๋เขาเป็นคนทำหนัง ส่วนพวกเราทำเกี่ยวกับละคร มันก็เลยยังไม่ซิงค์กันเท่าไหร่ แต่เราก็จะคอยซัพพอร์ตกันตลอด ถ้ามีอะไรแกก็จะโทรฯ มาถาม

ในเรื่องของครอบครัวพี่เอ๋ น้องเบสก็เป็นหลาน ซึ่งเราคิดว่า หลานยังเล็กหรือเปล่า เวลาจัดงานก็อาจจะขลุกขลักอะไรบ้าง แต่ปรากฏว่าจริงๆ หลานโตแล้ว คือเรามองเห็นหลานเป็นเด็กเสมอ จริงๆ น้องเบสเก่งมาก ซึ่งเขาอาจจะได้ความสามารถเก่งเหมือนพ่อเขา”