เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนักการเมืองชื่อดัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กับพวก คดีเงินอุดหนุนวัดใน จ.สมุทรปราการ สรุปว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำผิดระหว่าง นายชนม์สวัสดิ์ กับพวก โดย ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าว พบว่า นายชนม์สวัสดิ์ เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ. กับพวก ได้พิจารณาอนุมัติเบิกจ่ายเงินวัดในสมุทรปราการ รวม 68 โครงการ วงเงิน 856 ล้านบาทเศษ และ ป.ป.ช. พบว่า มีอย่างน้อย 20 โครงการผิดปกติ วงเงินประมาณ 338 ล้านบาทเศษ

สำหรับพฤติการณ์คดีนี้ มีตัวละครคือ นายปกรณ์ ผู้บริหารบริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แสดงตนเป็นตัวแทนของ อบจ. เพื่อประสานงานกับวัดว่า วัดต้องการเงินอุดหนุนจาก อบจ.หรือไม่ เพื่อนำไปก่อสร้างเมรุ หรือศาลากลางเปรียญ จากนั้นให้เจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ลงนาม ก่อน ผลักดันเสนอโครงการดังกล่าวเข้าสภา อบจ. โดยที่ไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดโครงการ ไม่มีการตรวจสอบ
แบบแปลน และราคาประมาณก่อสร้าง ถูกต้อง เหมาะสมกับงบประมาณที่ขอมาหรือไม่ ต่อมาเมื่อ อบจ.อนุมัติโครงการ นายปกรณ์ จะแจ้งทางวัดเพื่อนัดหมายเจ้าอาวาสรับเช็คเงินอุดหนุน พร้อมกับเบิกเงินจำนวนครึ่งหนึ่งให้นายปกรณ์ จากนั้นให้บริษัทเอกชนที่ นายปกรณ์เป็นกรรมการ เข้ามารับจ้างโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนดังกล่าว

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ภายหลัง อบจ.ได้อนุมัติเงินอุดหนุนไปแล้ว ปรากฏว่าทั้งนายชนม์สวัสดิ์ กับพวก ไม่มีการตรวจสอบติดตามใช้จ่ายเงินอุดหนุน เป็นไปตามแบบแปลนการประมาณราคาหรือไม่ คุ้มค่าเหมาะสมกับเงินอุดหนุนหรือไม่ เหมือนกับเป็นการให้เงิน ปล่อยปละละเลย ลักษณะน่าจะร่วมกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนดังกล่าว การดำเนินโครงการทุกโครงการมีปัญหาจากการก่อสร้าง เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา จ้างช่วง ทิ้งงาน ไม่ตรงแปลน รายการประมาณราคาไม่ถูกต้อง ราชการเสียหายร้ายแรง

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายชนม์สวัสดิ์ และนายอำนวย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สมุทรปราการ มีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ส่วนการกระทำของนายปกรณ์ และบริษัทเอกชนมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86 อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จัดทำรายละเอียด และเตรียมส่งสำนวนให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในพื้นที่ที่มีอำนาจวินิจฉัยต่อไป

เมื่อถามว่า เหตุใดกรณีนี้จึงไม่มีการไต่สวนประเด็นเกี่ยวกับการฮั้วประมูล นายนิวัติไชย กล่าวว่า เรื่องนี้ดำเนินการโดยวัด เพราะเป็นการจ่ายเงินอุดหนุนให้วัด ซึ่งวัดไม่มีระเบียบเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาผิดเรื่องฮั้วประมูล มีลักษณะคล้ายคดีเงินทอนวัด เป็นอำนาจของวัดที่ดำเนินการต่อไป

นายนิวัติไชย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีของนายชนม์สวัสดิ์ที่ถูกมองว่าเป็นประเด็นทางการเมืองนั้นว่า ป.ป.ช.พิจารณาเรื่องนี้ต่อเนื่อง มีการนำเรื่องส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อรายงานความคืบหน้าอยู่เป็นระยะ ๆ ถ้าหลักฐานไม่พอต้องกลับมาหาข้อมูลเพิ่มใหม่ ทุกอย่างมีไทม์ไลน์ที่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ยืนยันไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่บังเอิญเสร็จในช่วงนี้พอดี อีกทั้งเรื่องนี้ต้องเร่งพิจารณา เพื่อให้เอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาได้ควบคู่กันไป เนื่องจากยังมีผู้ถูกกล่าวหาที่ยังรับราชการอยู่.

ขอบคุณรูปจากเฟซบุ๊ก Chonsawat Asavahame