เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายอานนท์ นำภา ทนายความคนดัง พร้อมด้วย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และตัวแทนแกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษในทุกมาตรา เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ทุกระดับชั้น ที่มีส่วนใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

นายอานนท์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้กลุ่มราษฎรได้ส่งตัวแทนมาแจ้งความกล่าวโทษดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเมื่อวานนี้ จนทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยวันนี้ จะมากล่าวโทษกับเจ้าหน้าควบคุมฝูงชนตั้งแต่ระดับชั้นผู้น้อย จนถึงระดับผู้บัญชาการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ซึ่งพยานหลักฐานทั้งหมดได้บ่งชี้ว่า เป็นการสลายการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย มีการใช้กำลังเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมและสื่อมวลชน โดยทางกลุ่มมีพยานหลักฐานเป็นคลิป และภาพต่างๆ ที่จะนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป ย้ำว่าวันนี้เป็นการกล่าวโทษโดยภาพกว้าง ส่วนผู้ชุมนุมท่านใดหรือสื่อมวลชนท่านใดที่ได้รับผลกระทบ ให้เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ที่นี่ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

ทางด้าน นพ.ทศพร ได้ยกตัวอย่าง กรณีผู้บาดเจ็บ กรณีของนายพายุ ที่โดนกระสุนยาง ยิงโดนลูกตาขวา ว่ามีการบาดเจ็บสาหัสจนอาจถึงขั้นตาบอดได้

นอกจากนี้ น.ส.ปนัสยา ได้แถลงการณ์ ประณามถึงความรุนแรงถึงกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อวานนี้ โดยมีใจความสื่อถึงความไม่เป็นธรรมของรัฐบาลที่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน ทั้งยังเน้นย้ำอีกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายหรือขัดขวางการประชุมเอเปค เพียงแค่ต้องการส่งสารถึงเหล่าบรรดาผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมว่าสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิด้านการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทยตอนนี้เป็นอย่างไร พร้อมทิ้งท้ายขอให้เจ้าหน้าที่หันมาอยู่ข้างประชาชน

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ในการปราบปรามและสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลายการประชุมที่เกิดขึ้นทั่วโลก สามารถมีการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงเกิดขึ้นคู่ขนานได้เป็นปกติ รวมถึงสามารถจัดระเบียบและจัดสรรพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกตามกรอบของกฎหมายและตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ การมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วง ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ความเสียหายคือการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการปราบปรามและสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีภาพลักษณ์ติดลบในเรื่องการคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนมาตลอด 8 ปี

“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรอายที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงเพื่อแสดงความเห็นต่าง แต่ควรอายที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว

ส่วน ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อชาติ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่าป่าเถื่อนเหลือเกิน ตนขอประณามการใช้ความรุนแรงกับประชาชนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สื่อข่าว ถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ผู้สื่อข่าวควรได้รับการคุ้มครอง ในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่เปิดเผยความจริง และเหตุการณ์ให้แก่สาธารณะได้ทราบ ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อ (Freedom of expression and Freedom of press) ซึ่งล้วนเป็นตัวชี้วัดสำคัญของระดับความเป็นประชาธิปไตยสากลที่ใช้กันทั่วโลก

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้นำระดับโลกที่มาประชุมอยู่ในบ้านเราขณะนี้ ถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศอย่างร้ายแรง และแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจและไม่สนใจในหลักการประชาธิปไตยสากลอย่างชัดเจน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้ 1.มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาคำตอบและผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด 2.จะต้องมีการเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ ที่อย่างน้อยพยายามจะทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย