เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (21 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) นายเดียว วรตั้งตระกูล ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 ในฐานะเลขาธิการสมาคมโทรทัศน์ ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) และนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และตัวแทนสมาชิกสมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช.โดยมี พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการ ประธาน กสทช. เป็นผู้แทน รับมอบ เพื่อแสดงจุดยืนต่อกรณีการจัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ซึ่งระบุว่าจะให้ ผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลถ่ายทอดสออย่างเท่าเทียมและทั่วถึง แต่พบว่ามีความไม่ถูกต้อง ในการจัดสรรถ่ายทอดสด จึงขอให้คณะกรรมการ กสทช. ตรวจสอบและวินิจฉัยว่ามีความถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่
นายเดียว กล่าวว่า เงินสนับสนุนจำนวน 600 ล้านบาท จาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เป็นเงินที่ได้จากการส่งมอบของผู้ประกอบการโทรทัศน์ ซึ่งหมายถึงผู้ประกอบการฯ ได้ร่วมสนับสนุนการถ่ายทอดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียง 32 แมตช์ และได้รับหลังจาก ผู้สนับสนุนหลัก คือ กลุ่มทรู และเป็นผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลด้วย ได้เลือกแมตซ์สำคัญไปแล้ว สะท้อนถึงความไม่ทั่วถึง และไม่เท่าเทียมอย่างมาก

นอกจากนี้ทางกลุ่มทรูที่ให้การสนับสนุนจำนวน 300 ล้านบาท ได้รับสิทธิประโยชน์ ครอบคลุมสิทธิการถ่ายทอดทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม แบบเอ็กซ์คลูซีฟ และได้สิทธิในการเลือกคู่แข่งขัน จำนวน 32 แมตช์ และได้นาทีโฆษณา จากช่องทีวีดิจิตอลที่ร่วมถ่ายทอดจาก กกท. ซึ่งทางมติของบอร์ด กสทช. ระบุให้จัดสรรสิทธิการถ่ายทอดให้แก่ช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นแหล่งที่มารายได้ของกองทุน กทปส. อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ทั้ง 64 แมตช์ กลับได้รับการจัดสรรสิทธิเพียง 32 แมตช์ และเป็นแมตช์ที่เหลือจากที่กลุ่มทรูได้เลือกไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่เป็นธรรม และผิดต่อหลักการ “ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ” และเอื้อประโยชน์กับ เอกชนรายใดรายหนึ่งอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้มีการจัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเรียบร้อยแล้วในวันที่ 19 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. โดยให้สิทธิแก่กลุ่มทรูที่เป็นผู้สนับสนุนหลักได้เลือกแมตช์ต่างๆก่อน โดยแบ่งส่วนที่เหลือจากการเลือก 32 แมตช์ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ทั้ง 21 ช่องที่ร่วมถ่ายทอด ซึ่งทางสมาคมฯ และสมาชิกได้ทักท้วงหลายครั้งต่อ กกท. ในหลักการที่ไม่สอดคล้องกับมติ กสทช. แต่ทาง กกท.ก็ยังยืนยันที่จะดำเนินการต่อไป
ซึ่งทางสมาคมฯ ยืนยันว่าการที่สมาชิก 13 ช่องที่เสนอรับสิทธิร่วมถ่ายทอด ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของ กกท. แต่ยอมร่วมจับฉลาก เพราะคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ชมฟุตบอลโลก ที่จะมีการถ่ายทอดสดคู่แรก ในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. ให้สามารถดำเนินไปได้ก่อน และได้แจ้งต่อที่ประชุมของ กกท.อย่างชัดเจนแล้ว ว่าการจับสลากครั้งนี้สมาคมฯ ไม่ถือเป็นการยอมรับในหลักการและวิธีการของ กกท. ขอสงวนสิทธิ์ในการทักท้วงไม่เห็นด้วย ในการจัดสรรการถ่ายทอดของ กกท. ในครั้งนี้และขอให้คณะกรรมการ กสทช.ตรวจสอบและวินิจฉัยว่ามีความถูกต้อง และเป็นธรรมหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข กล่าวว่า จะนำเสนอหนังสือของทางสมาคมฯยื่นต่อบอร์ด กสทช. ต่อไป ส่วนการพิจารณาคงเป็นดุลยพินิจของบอร์ดว่าจะมีประการชุมเมื่อไร และมีมติอย่างไร ซึ่งเรื่องการจัดสรรถ่ายทอดสด ทาง กสทช.ได้ให้ ทาง กกท.เป็นผู้ดำเนินการพูดคุยและจัดสรรกับทางช่องทีวีต่างๆ ซึ่ง การลงนามบันทึกข้อตกลงในการสนับสนุนระบุไว้ชัดเจนว่าต้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร รวมถึงมีกฎหมายควบคุมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่ง กสทช. อาจจะต้องมีการหารือกับ กกท. เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดต่อไป เนื่องจาก กสทช. มีเจตนาให้ประชาชนสามารถรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้ทุกช่องทาง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.