มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ และประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565” พร้อมด้วย ฉัตรชัย พรหมเลิศ รองประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฯ, วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฯ และฐิติวัฒน์ ว่องวรรณกุล กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ร่วมในการแถลงข่าวการจัดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องอีเทอร์นิตี้ เดย์ไลท์ บอลรูม โรงแรมพูลแมน แบงค็อก คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ รางน้ำ
งาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เพื่อนไม่ทิ้งกัน ในยามยาก” รูปแบบออนกราวน์เต็มรูปแบบ โดยภายในงานมีการถอดแบบโครงสร้าง “อาคารมหินทรเดชานุวัฒน์” ที่ตั้งสำนักงานใหม่ของมูลนิธิฯ มาไว้ในงาน แสดงถึงการยกระดับการทำงานของมูลนิธิฯ ในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 27 เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ศูนย์กลางการเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์ และจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย” ตามพระนโยบายของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา จัดงานตลอดระยะเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-11 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00-20.00 น.ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร โดยรายได้จากการจัดงานจะนำสมทบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานอำนวยการจัดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ประจำปี 2565” กล่าวว่า มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ก่อตั้งขึ้น 27 ปี ด้วยพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประธานกรรมการมูลนิธิฯ งานภารกิจหลักคือการบรรเทาทุกข์จากอุทกภัย มอบถุงยังชีพซึ่งเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น รวมทั้งจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ทำอาหารปรุงสุก ล่าสุดที่ จ.อยุธยา ตั้งโรงครัวเกือบ 1 เดือน และส่งรถประกอบอาหารเคลื่อนที่ไปยัง จ.ชัยภูมิ เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาอุทกภัยเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากความวิกฤตของภูมิอากาศ การมอบถุงยังชีพพระราชทานเคยสูงสุดถึง 40,000 ถุง ดังนั้นเราต้องมีกระบวนการบรรจุถุงยังชีพและกระบวนการขนส่ง
“ด้านการเฝ้าระวัง องค์ประธานรับสั่งว่าถ้าภัยน้อยลง เราจะบรรเทาทุกข์ให้น้อยลง จึงมีพระราชดำริให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ร่วมมือกับอีก 7 หน่วยงาน ร่วมกันติดสถานีวัดปริมาณน้ำฝนบนภูเขา เพื่อวัดปริมาณน้ำฝนว่าน้ำป่าไหลหลากหรือดินถล่มหรือไม่ โดยติดโทรมาตรต้นน้ำ 510 สถานี ปัจจุบันติดแล้วเสร็จ 160 สถานี นอกจากนี้ร่วมกับ สสน.และกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งชุมชนเตือนภัยเพื่อนพึ่งภาฯ 19 แห่งทั่วประเทศ ทำหน้าที่ฝึกพี่น้องประชาชน ที่ผ่านมาลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปได้” รองประธานกรรมการที่ปรึกษากล่าว
สำหรับมิติด้านการฟื้นฟู ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ ยกตัวอย่าง พื้นที่จังหวัดสกลนครเคยเจอพายุพัดถล่ม สร้างความเสียหายให้กับไร่ครามร่วม 100 ไร่ โดยได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นำเทคโนโลยีการย้อมครามให้กับชาวบ้าน จัดทำโครงการพัฒนาธุรกรรมออนไลน์ชุมชน เมื่อระดับน้ำลดจะช่วยเหลือระยะสั้นด้วยการทำบิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์, ซ่อมสร้างตู้เย็น มอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ และพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นต้น
ภายในงานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ปีนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ ชมและช้อปสินค้าจากร้านค้าในโครงการส่วนพระองค์และร้านพระบรมวงศานุวงศ์ และร้านค้ากิตติมศักดิ์และร้านเครือข่ายที่ยกขบวนสินค้าราคาพิเศษมาร่วมออกร้าน รวมทั้งสิ้นกว่า 100 ร้าน และยังมี “ตลาดย้อนยุค” โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังมาเพิ่มสีสัน
ชมการปรุงอาหารจากรถประกอบอาหาร “รถเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ที่นำเมนูสูตรประทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ มาเปิดโอกาสให้ได้ชิม รวมถึงผลิตภัณฑ์ยอดฮิตอย่าง “ตับบดเสวย”, ช้อปสินค้าจากร้านพึ่งพา ทั้งผลิตภัณฑ์ยั่งยืนจากชุมชนที่ประสบอุทกภัย อาทิ ผ้าไหมพื้นเมืองจากชัยภูมิ เสื้อมัดย้อมจากสกลนคร และสินค้าที่ระลึกที่เปิดตัวในงานฯ ได้แก่ ชุดน้ำชาลายกล้วยไม้โสมสวลี, ช้อปและชิมผลิตภัณฑ์ของร้าน “PAfe’ สุขที่ได้แบ่งปัน” จำลองบรรยากาศให้ได้สัมผัส, ชมการสาธิตช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติ เป็นต้น
“ปีนี้กิจกรรมหลายอย่างเราปรับปรุงโดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายต่างๆ เกี่ยวกับการนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ เช่น เสื้อยืด เสื้อกีฬา ของร้านเพื่อนพึ่งภาฯ ใช้เส้นใยที่ได้มาจากการเก็บขยะทะเล ซึ่งเรียกว่า การอัพไซคลิ่ง โดยนำเอาขวด PET กลับมาทำเป็นเม็ดพลาสติก แล้วทอออกมาเป็นเส้นใย ผสมกับผ้าฝ้ายกลายเป็นเสื้อยืด ช่วยทำให้เราเป็นทั้งแฟชั่น รายได้จากการจำหน่ายนำกลับไปสู่ประชาชนต่อไป” วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฯ กล่าว
โอกาสนี้ ฐิติวัฒน์ ว่องวรรณกุล กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ เผยว่า ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา พระนโยบายที่องค์ประธานได้พระราชทานไว้คือ ศูนย์กลางการเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์ ทั้งด้านสังคมและมนุษย์ จึงให้ความใส่ใจต่อผลกระทบกับทุกกิจกรรม อันดับแรกคือ “กล่องข้าว” จากเคยใช้ “กล่องโฟม” ก็เปลี่ยนเป็น “กล่องชานอ้อย” พบว่ามีปัญหาดูดซึมความชื้นของข้าว ทำให้ข้าวแข็ง จึงเปลี่ยนเป็น “กล่องข้าวกระดาษ” ถุงพระราชทานก็ทำจากขวดพลาสติกลดขยะของโลก เป็นกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่เราไม่ทิ้งภาระให้กับโลก พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมหม้อทอดและกล่องข้าวอุ่นร้อน ภายในงานด้วย.