สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเวอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ว่า โรคหัด คือ หนึ่งในเชื้อไวรัสที่ติดต่อระหว่างมนุษย์มากที่สุด และสามารถป้องกันได้เกือบทั้งหมดด้วยการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม มันจำเป็นต้องมีความครอบคลุมของวัคซีนถึง 95% เพื่อป้องกันการระบาดในกลุ่มประชากร

แต่ในปีที่แล้ว เด็กเกือบ 40 ล้านคน กลับไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด เพราะอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่ดับเบิลยูเอชโอ และซีดีซี กล่าวในรายงานร่วม

ด้านนายแพทริค โอคอนเนอร์ หัวหน้าฝ่ายโรคหัดของดับเบิลยูเอชโอ บอกกับรอยเตอร์สว่า ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยโรคหัดยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ต้องดำเนินการป้องกันมัน

“ตอนนี้พวกเราต้องตัดสินใจ” โอคอนเนอร์ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “มันจะเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากในช่วง 12-24 เดือน ของการพยายามบรรเทาเรื่องนี้”

การรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ เช่น มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่ยืดเยื้อ และธรรมชาติวัฏจักรของโรคหัด อาจเป็นสิ่งที่อธิบายถึงสาเหตุของจำนวนผู้ป่วยที่ไม่เพิ่มขึ้นมาก แม้จะมีช่องว่างทางภูมิคุ้มกันที่กว้างขึ้นก็ตาม แต่โอคอนเนอร์กล่าวว่า สิ่งนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยชี้ถึงลักษณะตามธรรมชาติของโรคหัด ซึ่งเป็นโรคติดต่อสูง

ทั้งนี้ โอคอนเนอร์ระบุว่า ดับเบิลยูเอชโอพบการแพร่ระบาดที่เป็นปัญหาในวงกว้างเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 19 ครั้ง เป็น 30 ครั้ง ภายในเดือน ก.ย. พร้อมกล่าวเสริมว่า เขารู้สึกกังวลเป็นพิเศษ เกี่ยวกับหลายพื้นที่ของภูมิภาคแอฟริกา ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES