เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4 โดยที่ประชุมรับทราบสถานการณ์และการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และข้อมูลตัวชี้วัดในพื้นที่ที่ผ่านมา
โดย พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ และเห็นชอบ การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง อ.ไม้แก่น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2565 และสิ้นสุดลงในวันที่ 19 มี.ค. 2566 โดยครั้งนี้ไม่มีการปรับลดพื้นที่ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน ระงับ ยับยั้งสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

พล.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรย้ำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พิจารณาใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงระมัดระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และให้มีการทบทวนการปรับลดพื้นที่ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินอย่างรอบด้าน สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนงานยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไปพร้อมกัน นอกจากนี้ขอให้เร่งสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเฝ้าระวังและเปิดเผยบุคคลเป้าหมายให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งมีมาตรการระวังป้องกัน การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น และขอเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคน อีกทั้งขอให้ไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน.