สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่รัสเซียจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเน้นโจมตีโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคของยูเครนต่อไป สะท้อนว่า รัฐบาลมอสโกของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน “เจตนาใช้ฤดูหนาวเป็นอาวุธสงคราม” เพิ่มเติมต่อยูเครน


อนึ่ง นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการที่กองทัพรัสเซียเพิ่มความรุนแรงและขยายขอบเขตของการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน ตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าเป็นผลจากการที่รัฐบาลเคียฟยังคงปฏิเสธการเจรจา ขณะที่ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า “ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายยูเครน” ซึ่งไม่เพียงแต่ยังคงปฏิเสธการเจรจา ทว่ายังคงกลับเดินหน้าเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้


ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลมอสโกขอเลื่อนการเจรจาครั้งสำคัญกับสหรัฐ ที่กรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ ซึ่งมีกำหนดระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-6 ธ.ค.นี้ โดยไม่ให้เหตุผลอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐเป็นฝ่ายเลื่อนการพบหารือครั้งนี้ก่อน และปราศจากเหตุผล


ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญของการพบหารือครั้งนี้ เกี่ยวกับการให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายลงพื้นที่สำรวจ ภายใต้เงื่อนไขของสนธิสัญญานิว สตาร์ท ซึ่งเป็นข้อตกลงทวิภาคีที่มีสาระสำคัญคือ การจำกัดการครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศให้ไม่เกิน 1,550 ลูก โดยข้อตกลงฉบับปัจจุบันซึ่งมีอายุ 5 ปี จะครบกำหนดในปี 2569.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES