สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เชิญนายตั้ง หัว เอกอัครราชทูตจีนประจำกุรงเตหะราน เข้าพบเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อพบหารือเกี่ยวกับ “เนื้อหาบางส่วน” ในแถลงการณ์ ที่รัฐบาลปักกิ่งบรรลุร่วมกับคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งสมาชิกได้แก่ บาห์เรน คูเวต กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และซาอุดีอาระเบีย จากการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนกรุงริยาด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


เนื้อหาในแถลงการณ์ของจีซีซี ซึ่งอิหร่านมองว่า “เป็นปัญหา” ระบุเกี่ยวกับ เกาะขนาดเล็ก 3 แห่ง ในช่องแคบฮอร์มุซ ได้แก่ Greater Tunb Lesser Tunb และ Abu Musa ซึ่งรัฐบาลเตหะรานอ้างกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2514 อย่างไรก็ตาม ยูเออีกล่าวว่า เกาะทั้งสามแห่งเป็นดินแดนภายใต้อธิปไตย และกลุ่มประเทศอาหรับ สนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลยูเออีในเรื่องนี้


อย่างไรก็ตาม นายฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า เกาะทั้งสามแห่งเป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้จากอำนาจอธิปไตยของรัฐาลเตหะราน การที่แถลงการณ์ของจีซีซี ยังคงเรียกร้องการเจรจาในระดับทวิภาคี ขัดแย้งต่อจุดยืนของอิหร่าน ซึ่งประกาศชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่า เรื่องนี้ “ประนีประนอมไม่ได้ในทุกกรณี”


ทั้งนี้ทั้งนั้น กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านใช้คำว่า “การเยี่ยมเยียน” ของเอกอัครราชทูตจีน ไม่ใช่ “การประท้วง” หรือ “การแสดงความวิตกกังวล” ดังเช่นที่ใช้เมื่อเชิญเอกอัครราชทูตหรือนักการทูตระดับสูงของประเทศอื่นเข้าพบ เมื่อเกิดปัญหาในเรื่องใดก็ตาม


ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ อนึ่ง รัฐบาลปักกิ่งและอิหร่านลงนามนามในข้อตกลงยกระดับความร่วมมือระดับทวิภาคี ทั้งในด้านการค้า เศรษฐกิจ และการคมนาคม ครอบคลุมระยะเวลานานถึง 25 ปี เมื่อปีที่แล้ว เป็นไปตามการเห็นชอบร่วมกันในหลักการ เมื่อปี 2559 ขยายขอบเขตความร่วมมือ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้ได้อีก 10 เท่า เป็นมากกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 20.87 ล้านล้านบาท) ภายในระยะเวลา 1 ทศวรรษข้างหน้า.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES