วานนี้ (13 ธ.ค. 2565) สื่อท้องถิ่นและสื่อทางการของจีนรายงานว่า เกิดการเผยแพร่ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องตามแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยกล่าวอ้างว่าผลไม้ประเภทลูกพีชที่บรรจุกระป๋องนั้น เป็น “ยาวิเศษ” ที่สามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้ จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มกักตุนลูกพีชกระป๋องในระหว่างจีนเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และเตรียมเปิดประเทศ

ความต้องการลูกพีชกระป๋องในตลาดนั้นพุ่งขึ้นสูงมาก จนกระทั่งผู้บริโภคในจีนไม่สามารถสั่งซื้อได้จากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซหลักหลายแห่ง เนื่องจากไม่มีสินค้าเหลืออยู่ในสต๊อก

หนังสือพิมพ์ไชน่าส์ เดลี ซึ่งเป็นสื่อทางการของรัฐบาลจีนได้เผยแพร่แถลงการณ์จากรองผู้อำนวยการเกาเสี่ยวหลิง แห่งโรงพยาบาลชานซี เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชนที่พยายามกักตุนผลไม้กระป๋องดังกล่าว โดยมีเนื้อหาระบุว่า ลูกพีชเหลืองที่หั่นเป็นชิ้นและบรรจุกระป๋องหรือขวดโหลนั้น ไม่ใช่ยาวิเศษที่สามารถรักษาอาการไข้หรือไอ แต่เป็นเหมือน “ยาหลอก” ที่มีรสหวาน ที่สร้างความสบายใจให้ผู้รับประทานในทำนองเดียวกันกับการรับประทานขนมเค้ก หรือชานม เพื่อคลายเครียด

หนังสือพิมพ์ เป่ยจิงยูท เดลี ก็ตีพิมพ์บทความในทำนองเดียวกันซึ่งมีเนื้อหาตอกย้ำว่า ลูกพีชไม่สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ แต่เป็นเรื่องตลกที่อำกันเล่น หรือเป็นสิ่งที่ทำให้หวนรำลึกถึงวันหวานในวัยเยาว์เท่านั้น

หนังสือพิมพ์ไชน่าส์ เดลี อธิบายในบทความว่า เหตุการณ์ที่ชาวจีนแห่กันซื้อและกักตุนลูกพีชกระป๋องนั้น เป็นเพราะความเชื่อที่เผยแพร่ตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ว่า ลูกพีชเหลืองสามารถรักษาโรคและอาการป่วยหลายประการ ซึ่งมีที่มาจากความเชื่อเก่าแก่ในพื้นที่ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และต่อมาได้แพร่หลายไปทั่วประเทศ

เหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐเมื่อปี 2563 โดยมีชาวอเมริกันจำนวนมากแห่ซื้อน้ำส้มเพื่อกักตุนโดยมีความเชื่อว่า การบริโภควิตามินซีจากน้ำส้มเป็นจำนวนมาก จะช่วยป้องกันหรือรักษาโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งต่อมาภายหลัง องค์การอนามัยโลกได้ออกมาชี้แจงว่าความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

แหล่งข่าว : nextshark.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES