ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามลูเซล สเตเดียม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทีมชาติอาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ด้วยการคว่ำ ฝรั่่งเศส ลงได้ในการดวลจุดโทษ 4-2 หลัง 120 นาทีเสมอกันดุเดือด 3-3

ครึ่งแรก อาร์เจนตินา ออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรง โดยพับสนามบุกแบบวันเวย์ และได้ประตูออกนำไปก่อน 2-0 จากการสังหารจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี ในนาทีที่ 23 และจาก อังเคล ดิ มาเรีย ในนาทีที่ 36

เข้าสู่ครึ่งหลัง ฝรั่งเศส ฮึดสู้ และตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ได้จากการสังการจุดโทษของ คีลิยัน เอ็มบัปเป ในนาทีที่ 80 จากนั้นอีกเพียงนาทีเดียว “ตราไก่” ตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้อย่างเหลือเชื่อจากการทิ้งตัววอลเลย์สุดสวยของ เอ็มบัปเป คนเดิม ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีใครทำอะไรกันได้อีกครบ 90 นาที ฝรั่งเศส เสมอ อาร์เจนตินา ดุเดือด 2-2 ต้องไปว่ากันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงเอ็กซ์ตราไทม์ทั้ง 2 ทีมยังเปิดเกมแลกกันอย่างสนุก กระทั่งนาทีที่ 109 อาร์เจนตินา ก็แซงขึ้นนำได้อีกครั้งเป็น 3-2 จากการจังหวะที่ เมสซี ตามซ้ำลูกยิงของ เลาตาโร มาร์เนซ เข้าไป

อย่างไรก็ตาม “เลส์ เบลอส์” ยังไม่ถอดใจ และตามตีเสมอได้อีกครั้งเป็น 3-3 จากการกดจุดโทษของ เอ็มบัปเป ในนาทีที่ 118 ซึ่งยังเป็นการทำแฮตทริกของหัวหอกจากเปแอสเชอีกด้วย หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เกิดขึ้นอีกครบ 120 นาที ฝรั่งเศส เสมอ อาร์เจนตินา 3-3 ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษผลปรากฏว่า ฟ้าขาว ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 4-2 ผงาดคว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3.

ภาพ REUTERS