เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และ ผอ.ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า สถานการณ์คุณภาพอากาศ ในภาพรวมของประเทศไทย ขณะนี้พบว่าฝุ่นละออง PM2.5 เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยา ได้แก่ เพดานการลอยตัวอากาศเริ่มต่ำลง ความเร็วลมอ่อน การยกตัวของอากาศไม่ดี ทำให้อากาศนิ่ง และมีการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 มากขึ้น ศกพ. ดำเนินการเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยวันที่ 22 ธ.ค. 65 พบค่า PM2.5 อยู่ระหว่าง 28-57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ บริเวณเขตปทุมวัน เขตดินแดง เขตมีนบุรี เขตยานนาวา เขตบางนา เขตประเวศ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตบางเขน เขตบางขุนเทียน เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม เขตบึงกุ่ม เป็นต้น

ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก จะมีแนวโน้มสูงจนอาจเกินมาตรฐานในบางพื้นที่ในช่วงระหว่างวันที่ 23-24 ธ.ค. 65 โดยฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มขึ้นสูงตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ธ.ค. ซึ่งพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษได้แก่บริเวณริมถนนพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ โดยช่วงหลังวันที่ 24 ธ.ค. สถานการณ์ฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรงมากขึ้น ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่เปิดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 27-28 ธ.ค. 65 อาจมีโอกาสพบสถานการณ์ฝุ่นละอองขึ้นสูงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล อีกครั้ง

“ศกพ. จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ กทม. และจังหวัดปริมณฑล เฝ้าระวังสุขภาพและขอความร่วมมืองดเผาวัสดุทางการเกษตรในที่โล่งในเขตปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. นี้ ขอรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะในช่วงเวลาดังกล่าว หากขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ขอความกรุณาดับเครื่องยนต์เมื่อจอดนิ่งอยู่กับที่ ขอให้หมั่นบำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้ก่อควันดำ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ไม่ให้ส่งผลระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน” นายปิ่นสักก์ กล่าว