สตีเวน บัคลีย์ นักโบราณคดีและนักเคมีวิเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยยอร์ค ประเทศอังกฤษ ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อที่มีกันมานานในหมู่นักนิยมเรื่องอียิปต์โบราณว่า ขั้นตอนหนึ่งในการทำมัมมี่ของผู้วายชนม์ จะต้องใช้ตะขอดึงเอาเนื้อเยื่อสมองออกมาทางจมูกของผู้ตายนั้น เป็นเพียงแค่ตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา
บัคลีย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชายกรณีศึกษาการทำมัมมี่ สันนิษฐานว่า ผู้ที่มีหน้าที่ทำมัมมี่ในยุคอียิปต์โบราณ น่าจะมีวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากกว่านั้น ส่วนตัวเขาเองเคยทำการทดลองหลายครั้งกับแกะทดลอง เพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะสมในการนำสมองออกจากร่าง
การทดลองดังกล่าวเคยปรากฏอยู่ในภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการศึกษาด้านนิติวิทยาศาสตร์ของมัมมี่ ทางช่อง History Channel เมื่อปี 2551 เรื่อง Mummy Forensics ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเอกสารการวิจัยเชิงวิชาการในปี 2512 ของ แฟรงค์ ฟิลซ์ ลีค นักอียิปต์วิทยาชาวอังกฤษ
เขาพบว่า การใช้เครื่องมือรูปตะขอสอดเข้าไปทางรูจมูกแล้วเกี่ยวหรือดึงเอาเนื้อสมองซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่ออกมาจากกะโหลกศีรษะนั้น ทำได้ยากมาก นอกจากนี้ยังต้องทำซ้ำหลายครั้งซึ่งใช้เวลานาน จัดว่าเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ
บัคลีย์ กล่าวว่า วิธีที่ดีกว่าคือการใช้ตะขอตีหรือ “ปั่น” เนื้อสมองให้ละเอียดราว 20 นาที จนกลายเป็นของเหลว จากนั้นก็แค่ “เท” สมองออกมาจากกะโหลกศีรษะ เขายังกล่าวอีกว่านี่ไม่ใช่วิธีการที่ “น่าดู” เท่าไหร่นัก แต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการนำสมองออกจากกะโหลก
อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็ยังมีสมองหลงเหลืออยู่ในมัมมี่บางร่าง โดยเฉพาะมัมมี่ของเชื้อพระวงศ์จากยุคแรกเริ่มที่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดี สมองของผู้ตายจะยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
ชาวอียิปต์ในยุคนั้นไม่น่าจะมีความรู้เรื่องจุลินทรีย์ แต่พวกเขารู้ดีว่าการนำอวัยวะภายในออกจากร่างผู้ตายจะช่วยชะลอการเน่าเปื่อยของศพได้ ถ้าหากผู้ตายเป็นผู้ที่มีฐานะ ศพของพวกเขาก็จะผ่านกระบวนการนำอวัยวะภายใน เช่น ตับ ปอด และอวัยวะชิ้นอื่น ๆ ออกจากร่าง จากนั้นก็นำอวัยวะเหล่านี้ไปผ่านขั้นตอนการเก็บรักษา
ขั้นตอนหลังจากนั้นคือการนำอวัยวะที่ผ่านกระบวนการรักษาสภาพแล้ว ไปเก็บไว้ในไหบรรจุ แต่ก็มีหลายกรณีที่นำอวัยวะเหล่านั้นใส่กลับไปในร่างตามเดิม
สำหรับสมองนั้น บางรายก็เก็บไว้ในกะโหลกของร่างที่รอการทำเป็นมัมมี่ในระหว่างกระบวนการรักษาศพเพื่อยับยั้งการเน่าเปื่อยหรือสลายตัว โดยไม่ได้มีการนำออกจากร่างแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น มัมมี่ของฟาโรห์ทุตโมสที่ 1, ราชินีทีเย ซึ่งเป็นอัครมเหสีของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 และฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 1 ล้วนแต่ตรวจพบว่า มีเนื้อเยื่อสมองอยู่ในกะโหลกตามปกติ.
แหล่งข่าว : businessinsider.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES