เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ซึ่งมีนโยบายมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปราม การลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามต้องจำกัด เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรในพื้นที่ตรวจสอบและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยนายชนินทร์ ศุภรินทร์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายเรวัตน์ บางพา หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปรามส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ลงพื้นที่ในจังหวัดหนองคาย

โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ร่วมกับตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดหนองคาย เข้าตรวจค้น จับกุมพื้นที่เป้าหมายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย 3 แห่ง และสามารถตรวจยึดสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก นำเข้ามาโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จำนวนมูลค่ารวม 4 ล้านบาท

โดยสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้น ถือเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง “กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557” จุดประสงค์เพื่อป้องกันมิให้นำสินค้าดังกล่าวไปใช้ อันก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ สุขอนามัย สังคม ความมั่นคง ของประเทศ และความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าหรือส่งออก ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 การจำหน่ายของซึ่งตนรู้ว่าเป็นความผิดดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ รวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดของกลาง พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด นำส่งสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.