สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ว่า จากกรณีมีรายงานการพบเอกสารลับจำนวนหนึ่ง เป็นบันทึกข่าวกรอง และรายงานฉบับย่อเกี่ยวกับสถานการณ์ในหลายประเทศ รวมถึงอิหร่าน ยูเครน และสหราชอาณาจักร ถูกจัดเก็บอยู่ภายในตู้เก็บเอกสารที่มีการล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา ภายใน “สถานที่อย่างน้อยสองแห่ง” หนึ่งในนั้นคือมูลนิธิ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เคยทำงาน หลังหมดวาระรองผู้นำสหรัฐ ในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา


ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยอมรับรายงานดังกล่าว แต่ย้ำว่า เอกสารที่พบ “มีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 10 ชุดเท่านั้น” และผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน “มีความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง” ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานทุกแห่ง ที่จะดำเนินการสอบสวน


แน่นอนว่า พรรครีพับลิกันจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แกนนำคนสำคัญ กล่าวเชิงเหน็บแนม ว่า “เมื่อไหร่” สำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) จะเข้าตรวจค้นทำเนียบขาว เหมือนที่จู่โจมตรวจค้นคฤหาสน์ที่รัฐฟลอริดาของเขา เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว เพื่อยึดเอกสารลักษณะเดียวกัน


ในอีกด้านหนึ่ง คณะกรรมาธิการด้านการกำกับดูแลของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่ตอนนี้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ประกาศเดินหน้าการสอบสวนผู้นำสหรัฐและครอบครัว โดยได้มีการยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ ไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลทางการเงิน และฝ่ายบริหารของทวิตเตอร์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการจัดการ “รายงานเปิดโปง” ของนิวยอร์ก โพสต์ เมื่อปี 2563 เกี่ยวกับนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของไบเดน ซึ่งตอนนั้นมีเสียงวิจารณ์สะพัดว่า “ถูกปิดกั้นด้วยเหตุผลทางการเมือง”.

เครดิตภาพ : REUTERS