เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น G ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 5 ราย ร่วมตรวจค้นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรูกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 จนพบการกระทำความผิดฐานตบทรัพย์ว่า ในประเด็นนี้ตนได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบในคดีนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ด่วน! เด้งฟ้าผ่า ‘ไตรยฤทธิ์’ พ้นเก้าอี้อธิบดีDSI เซ่นปมค้นบ้านอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู

ส่วนประเด็นของข้าราชการดีเอสไอทั้ง 5 ราย ที่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในชุดปฏิบัติการนั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า ขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ซึ่งหากผลการสอบของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่ามีบุคคลใดในกรมสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของการสอบสวนวินัยร้ายแรงเช่นกัน ในส่วนของผู้อำนวยการกองคดีฯ ที่มีการระบุว่าเป็นหน้าห้องอดีตอธิบดีดีเอสไอนั้น ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีส่วนเข้าไปกระทำความผิดก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับทั้ง 5 คนที่ถูกตำรวจออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งรัดการดำเนินการพิจารณาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร

สำหรับ ประเด็นเรื่องที่มีคนเข้ามาร้องทุกข์ว่า ยังมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเรียกรับทรัพย์ในอีกหลายคดีนั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า ตนอยากขอฝากถึงพี่น้องประชาชน หากพบเห็นพฤติการณ์ของกลุ่มข้าราชการ หรือบุคคลที่อ้างว่าเป็นข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทำในลักษณะการเรียกรับทรัพย์ สามารถส่งข้อมูลมาให้ยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินการกับกลุ่มคนดังกล่าว

พ.ต.ต.สุริยา ระบุอีกว่า ในส่วนของชุดปฏิบัติการด้านการข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ชปข. ที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ และเป็นชุดปฏิบัติการที่เข้าไปปฏิบัติการร่วมกับตำรวจ 191 ในครั้งนี้ โดยในวันนี้ตนจะลงนามคำสั่งให้ยุบชุดปฏิบัติดังกล่าวในทันที

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ส่วนรายละเอียดการสืบสวนในคดีนี้ หรือกรณีที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอถูกร้องเรียนในกรณีอื่นรวมไปถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถวายฎีกาเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องทุจริตนั้น ทางกรมฯจะไม่ไปก้าวล่วงหน้าที่ของฝ่ายสืบสวน ซึ่งเป็นอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งทางดีเอสไอพร้อมเข้าให้ข้อมูลและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ หากพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริงก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด และหากพบมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คณะกรรมการฯก็มีสิทธิ์ดำเนินการทางวินัยทั้งหมด โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และจะเร่งรัดการดำเนินการทั้งหมดให้เร็วที่สุด

กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุถึง ผอ.กองฯ ที่เป็นหน้าห้องอดีตอธิบดีดีเอสไอ ขณะนี้มีการให้พักราชการไว้ก่อนหรือไม่ พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า จะต้องดำเนินการให้รอบคอบ ซึ่งมีคณะดำเนินการทางวินัยร้ายแรงดำเนินการอยู่แล้ว ขอเวลาให้ตนสักระยะ

“ในส่วนตัวผมเองและทีมบริหารที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีความกังวลถึงความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ขององค์กร เพราะฉะนั้นเราจะไม่ทิ้งเรื่องนี้ไว้ให้นาน พร้อมจะเร่งรัดเรื่องนี้ ให้เร็วที่สุด” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว

พ.ต.ต.สุริยา ระบุถึงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ได้มากน้อยแค่ไหน กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นบทเรียนสำคัญขององค์กรและเจ้าหน้าที่ ตนเชื่อว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้องรอกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสร้างผลกระทบแน่นอนกับรูปแบบการทำงานและกระบวนการคิดของเจ้าหน้าที่ ตนได้คุยกับพนักงานในดีเอสไอหลายท่านรวมถึงผู้บริหารทุกคนพร้อมที่จะทำงานเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองในส่วนนี้.