เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง เปิดเผยถึงขบวนการด่านรีดไถ โดยระบุว่า เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นในยุคของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนปัจจุบัน โดยระบบของด่านรีดไถนั้น ไม่ใช่ว่าตำรวจรีดไถเงินจากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวแล้ว เงินจะเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่เป็นการที่ต้องรีดไถเงินเพื่อนำเงินลงกองกลาง นำส่งนาย คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล

โดยด่านจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ด่านของนครบาล จำนวน 88 สถานีตำรวจ ต้องส่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งเป้าเอาไว้ให้รีดไถให้ได้สถานีตำรวจละ 1 แสนบาทต่อวัน หรือ 3 ล้านบาทต่อ 1 เดือน/ดังนั้น ในพื้นที่นครบาลมีทั้งหมด 88 สถานีตำรวจ จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งหมดเดือนละ 264 ล้านบาท

ส่วนที่ 2 คือด่านของตำรวจจราจรกลาง ที่มีประมาณวันละ 20 ด่าน แต่ละวันต้องรีดไถเงินให้ได้ 1 แสนบาท คิดเป็นวันละ 2 ล้านบาท/ดังนั้น จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลเดือนละ 60 ล้านบาท//รวม 2 ส่วน จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลเดือนละ 324 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์ ระบบว่า ขบวนการด่านรีดไถที่เกิดขึ้นเนื่องจากบ่อนต้องปิด ทำให้ต้องหารายได้จากการตั้งด่านมาทดแทน

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอัตราการเรียกรับผลประโยชน์ หรืออัตราการรีดไถ ซึ่งจะแตกต่างไปตามกรณีการกระทำความผิดต่างๆ ได้แก่ ปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด เรียกรับ 3 หมื่นบาท/ตรวจพบปัสสาวะม่วง เรียกรับ 1 แสนบาท/ตรวจพบยาเสพติด เรียกรับ 3-5 แสนบาท/ตรวจพบควันดำ เรียกรับ 1 แสนบาท/และบุหรี่ไฟฟ้า เรียกรับ 3 หมื่นบาท

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ทิ้งท้ายว่า ขอฝากให้ นายกรัฐมนตรี ให้ลงมาจัดการเรื่องนี้ อย่าให้มีด่านรีดไถ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ถ้ายังไม่ทำ ตนก็จะเปิดโปงต่อไปเรื่อยๆ.