เมื่อวันที่ 17 ก.พ นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงความคืบหน้าการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า ภายหลัง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มาทำหน้าที่เป็นรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ยื่นหนังสือต่ออธิบดี ขณะนี้มีผู้ยื่นหนังสือเข้ามาแล้ว 52 ราย เป็นระดับ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ สาขา จำนวน 2 ราย หัวหน้าอุทยานฯ จำนวน 22 ราย ผอ.ส่วน 12 ราย และหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามอื่นๆ 16 ราย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายออกมา 7 คำสั่ง รวมทั้งสิ้นมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนตำแหน่งทั้งสิ้นจำนวน 33 ราย ในกรณีนี้มีผู้ที่แจ้งความประสงค์ขอความเป็นธรรมเข้ามา 10 ราย และอีก 1 ราย เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่ได้แจ้งหนังสือ ซึ่งเราทราบว่าเขาเป็นคนมีฝีมือก็ให้กลับไปทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่กรมได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่

กรมอุทยานฯ เราดูทั้งภาพรวม และพยายามมองถึงความเหมาะสมในการให้ข้าราชการไปดำรงตำแหน่ง ในการพิจารณาครั้งนี้มีอยู่ 7 รายได้กลับสู่ตำแหน่งเดิม ถือว่าเป็นการพิจารณาภายใน 1 สัปดาห์ หลังการแถลงข่าวครั้งที่แล้ว โดยมีผู้ได้รับความเป็นธรรม 11 ราย แต่มีการโยกย้ายให้กลับไปปฏิบัติราชการในต้นสังกัด 5 ราย ให้สับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งหน้าที่ 18 ราย อย่างไรก็ตาม ใน 52 รายที่ส่งจดหมายมา เรายังพิจาณาไม่หมด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ถูกโยกย้ายแต่สามารถปฏิบัติงานในตำแหน่งใหม่ได้ลงตัวแล้ว ก็ไม่ได้มีขอความเป็นธรรมเข้ามา

เมื่อถามว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ปรากฏรายชื่อบนซองเงินที่พบในห้องอดีตอธิบดีหรือไม่ นางรุ่งนภา กล่าวว่าเท่าที่ดูตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และข้อมูลที่เราได้รับจากกระทรวงก็ไม่มีชื่อคนเหล่านี้ ในเรื่องของรายชื่อที่พบบนซองจะเป็นในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เรื่องซองเงินถ้ามีความชัดเจน และเราได้รับข้อมูลจากทางกระทรวง เนื่องจากกระทรวงมีคณะกรรมการที่จะพิจารณาในเรื่องของวินัย ถ้าส่วนนั้นมีความชัดเจนจึงจะนำข้อมูลมาเป็นส่วนประกอบในการพิจารณาต่อไป ในส่วนของกรมพิจารณาตามความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และต้นทุนเดิมที่เขามีการทำงานมาก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การย้ายหัวหน้าอุทยานฯ สิมิลัน ไปเป็นหัวหน้าอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีสาเหตุจากอะไร นางรุ่งนภา กล่าวว่า เพื่อให้ไปดำเนินการเรื่องความโปร่งใสเกี่ยวกับระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tikket) ในการเก็บเงินรายได้ เนื่องจากตอนที่นางรัชนก แพน้อย ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าอุทยานฯ สิมิลัน มีการจัดเก็บเงินรายได้ จำนวน 75 % ซึ่งอุทยานฯ ทางทะเลอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการมีระบบอีทิกเก็ต จึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ให้นางรัชนกไปอยู่อุทยานฯ พีพี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องการใช้อีทิกเก็ต

เมื่อถามต่อว่าเป็นเพราะอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธาราฯ เคยมีข่าวปัญหาเรื่องการจัดเก็บเงินรายได้แหล่งท่องเที่ยวอ่าวมาหยาหรือไม่ นางรุ่งนภา กล่าวว่า ได้รับทราบว่าในเรื่องเทคโนโยลีความพร้อมในเรื่องอินเทอร์เน็ตต่างๆ ยังไม่มีความพร้อมเท่าทางสิมิลัน ตรงนี้อาจจะถือเป็นการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและให้ทางหัวหน้าอุทยานฯ ที่มีประสบการณ์ไปช่วยตรงนี้ให้มากขึ้น

“ถ้าเป็นผู้ได้รับผลกระทบต้องเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารขณะนี้ด้วย เราเปิดรับฟังความคิดเห็นทางตรง ท่านเพียงแต่ส่งหนังสือตรงเข้ามาถึงรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานฯ จะได้รับการพิจารณาที่เหมาะสม เราเองทราบว่าท่านได้รับการโยกย้ายในช่วงที่ผ่านมา แต่ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ยื่นขอความเป็นธรรมก็เท่ากับว่าท่านพอใจ และสามารถทำงานในตำแหน่งที่ถูกย้ายไปได้ ซึ่งถือว่าการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา หากไม่แจ้งให้ทราบก็ถือว่าอยู่ในภาวะที่เหมาะสมและสามารถปฏิบัติงานได้ จึงอยากเร่งรัดให้สั่งหนังสือร้องเรียนภายในวันที่ 28 ก.พ. เพื่อให้จบเรื่องนี้และก้าวต่อไป” นางรุ่งนภา กล่าว