เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศูนย์เทคโนโลยี ตม. สนธิกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ สน.คันนายาว คุมตัว นายหยู ซิน ฉี ประธานมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ออกจากห้องกักภายในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพลู เพื่อไปค้นหาพยานหลักฐาน ในกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เปิดเผยเรื่องราวว่า มีการจัดตั้งสมาคมไม่ถูกต้องและมีการแอบอ้างเบื้องสูงและผู้นำประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจค้น 2 จุด จุดแรก ตรวจค้นบ้านพักตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนจตุโชติ ย่านวัชรพล-วงแหวน ซึ่งเป็นที่พักของนายหยู ซิน ฉี จากการตรวจค้นพบเอกสารสำคัญ และรูปถ่ายนายหยู ซิน ฉี กับบุคคลสำคัญจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เพื่อตรวจสอบ และจุดที่สอง ตรวจค้นที่ตั้งมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ย่านเกษตรนวมินทร์ โดยจุดนี้ไม่พบหลักฐานสำคัญแต่อย่างใด

ส่งเข้าห้องกัก! ตม. เพิกถอนวีซ่า ‘หยู ซิน ฉี’ แล้ว จ่อขยายผลทุกความผิด-ผลักดันออกนอกไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานเอกสารสำคัญ รวมถึงภาพถ่ายของนายหยู ซิน ฉี ที่ถ่ายรูปคู่กับบุคคลสำคัญ ตลอดจนหลักฐานการเรี่ยไรเงินที่นายหยู ซิน ฉี นำไปใช้แอบอ้าง ซึ่งการที่เขาสามารถเปิดสมาคมได้ สำหรับคนจีนด้วยกัน ถือว่าการตั้งสมาคมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มีหน้ามีตา จากนั้นเขาจะใช้สมาคมเป็นฉากหน้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนจีนด้วยกันได้เห็น ก่อนจะมีการถ่ายรูปบุคคลสำคัญ ถ่ายรูปผู้ใหญ่ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดหลอกคนจีนในไทยเพื่อเรี่ยไรเงิน

จากการตรวจค้นในวันนี้เจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับนายหยู ซิน ฉี ประกอบไปด้วย 3 ข้อหาหลักคือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร, การตั้งสมาคมเถื่อนหรือจัดตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ได้เพิกถอนวีซ่าของนายหยู ซิน ฉี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของทางพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยชาวจีนรายนี้ จะต้องถูกดำเนินคดีในไทย และจะทำการผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์เป็นการถาวร ห้ามเดินทางเข้าประเทศอีกต่อไป.