เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางทับทิม ขจรมาร มารดาของ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 แผนกช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนองจอก เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 65 นายอมรเทพบุตรชาย เกิดประสบอุบัติเหตุขี่ จยย. ตามหลังรถบรรทุก 6 ล้อคู่กรณี บริเวณถนนเชื่อมสัมพันธ์ หน้าโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพฯ (หนองจอก) ซึ่งทางรถคู่กรณีจอดรถตรงช่วงจุดกลับรถ โดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ทำให้ลูกชายพุ่งชนท้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่รู้สึกตัว เนื่องจากสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและเลือดคั่งในสมอง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชและผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง และต้องเจาะคอให้อาหารทางสายยาง ซึ่งมี พ.ต.ท.ประยุทธ พึ่งเคหา พนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เป็นผู้รับชอบ แต่ปัจจุบันคดีไม่มีความคืบหน้า

นางทับทิม กล่าวว่า ได้ทวงถามไปยังพนักงานสอบสวน ที่ สน.ลำผักชี เกี่ยวกับการดำเนินคดีและแจ้งข้อหาคู่กรณีมาแล้วหลายครั้ง แต่คดีไม่คืบหน้า พนักงานสอบสวนแจ้งว่า เป็นประมาทร่วมและสอบปากคำกับลูกชายไม่ได้ เนื่องจากลูกชายไม่สามารถพูดได้ เป็นคดีที่ยาก ตนเองจึงอยากให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ติดตามเร่งรัดคดี โดยเฉพาะประเด็นการระบุว่าเป็นประมาทร่วม เนื่องจากยังคงคาใจว่าเป็นการประมาทร่วมได้อย่างไร เพราะคู่กรณีเป็นฝ่ายไม่เปิดไฟเลี้ยว และลูกชายตนเองก็ขี่รถไปตามทางตรงปกติ มีพยานหลักฐานเป็นคลิปวงจรปิดมายืนยันให้ตำรวจดู แต่ทางตำรวจก็ยังสรุปว่าเป็นประมาทร่วม ซึ่งหลักฐานทั้งคลิปจากกล้องวงจรปิดและใบชันสูตรบาดแผล ก็เป็นสิ่งที่ตนเองต้องไปตามหามาเอง พนักงานสอบสวนไม่ได้ช่วยค้นหาพยานหลักฐานดังกล่าว และหลังจากนี้ ตนเองก็พร้อมที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาล

ขณะที่คู่กรณีหลังเกิดเหตุก็ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่เคยมาเยียวยาหรือสอบถามอาการบาดเจ็บของลูกชายแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองมามากกว่า 2 ล้านบาทแล้ว

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า ต้องการให้ ผบช.น. เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เนื่องจากคดีผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เป็นคดีที่ไม่มีความซับซ้อน ไม่ใช่คดีชนแล้วหนี กรณีเช่นนี้ พนักงานสอบสวนสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้ทันที แต่กลับไม่ดำเนินการ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายจ้าง ต้นสังกัดผู้ขับขี่รถบรรทุกคันดังกล่าว มาร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นรถร่วมรับจ้างขนของให้บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งที่จังหวัดชลบุรี และมีกำลังทรัพย์พอที่จะสามารถเยียวยาได้ ถ้าไม่ออกมารับผิดชอบ ตนจะเดินทางไปหาถึงหน้าบริษัท

เบื้องต้น พล.ต.ต.อนุวัฒน์ สุวรรณภูมิ ผบก.อก.บช.น. เป็นตัวแทนรับหนังสือและเชิญแม่ของผู้เสียหายและทนายความไปซักถามข้อเท็จจริง รวมถึงประสานตำรวจท้องที่ ให้เร่งรัดติดตามคดีโดยนายรณรงค์ ออกมาเปิดเผยภายหลังการพูดคุยว่า พนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี ได้เรียกผู้ขับขี่รถบรรทุกคู่กรณี เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งหากคู่กรณีมาตามกำหนด ครอบครัวก็จะไปไกล่เกลี่ย ก่อนตำรวจจะนำตัวส่งศาลในวันพรุ่งนี้.