สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ว่า สตาร์ลิงก์ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท สเปซเอ็กซ์ ของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ สร้างเครือข่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยดาวเทียมแอลอีโอมากกว่า 3,500 ดวง ซึ่งจนถึงขณะนี้มีผู้ใช้งานหลายหมื่นคนในสหรัฐ และมีแผนที่จะเพิ่มดาวเทียมอีกนับหมื่นดวงในระบบด้วย
อีกด้านหนึ่ง บริษัทวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีน (คาซิก) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานอวกาศและขีปนาวุธของรัฐ จะปล่อยกลุ่มดาวเทียมแอลอีโอชุดแรกที่วางแผนไว้ในเดือน ก.ย.นี้ แม้จะไม่ได้ระบุว่า จำนวนดาวเทียมที่จะปล่อยมีทั้งหมดกี่ดวงก็ตาม
ข้อดีของดาวเทียมแอลอีโอ คือ มันมีราคาถูกกว่า และให้การส่งสัญญาณที่มีประสิทธิภาพมากกว่าดาวเทียมที่มีวงโคจรสูงกว่า ซึ่งแผนที่กำหนดไว้ของคาซิก จะมีดาวเทียมที่ทำงานในระดับความสูง “ต่ำมาก” ที่ 150-300 กิโลเมตรจากพื้นดิน
China gears up to compete with SpaceX's Starlink this year https://t.co/FM2wrR5DoB pic.twitter.com/OOP3AP6vvA
— Reuters (@Reuters) March 2, 2023
อนึ่ง ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับรัฐบาลวอชิงตัน และการควบคุมการส่งออกที่ตัดขาดบริษัทจีนออกจากชิปประมวลผลระดับสูงบางประเภท ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จึงเรียกร้องให้ ประเทศสร้างการพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยีในทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างจีนกับเครือข่ายสตาร์ลิงก์น่าจะยังคงมีขนาดใหญ่ ตลอดช่วงทศวรรษหน้า แม้ว่าคาซิก และบริษัทอื่น ๆ จะเปิดตัวดาวเทียมแอลอีโอชุดแรกของพวกเขาแล้วก็ตาม อีกทั้งแผนที่จะสร้างดาวเทียมแอลอีโอประมาณ 13,000 ดวงนั้น มีความคืบหน้าที่ล่าช้าอยู่ในขณะนี้.
เครดิตภาพ : REUTERS