สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้าหลังเกิดเหตุเรือ “ปริ๊นเซส เอ็มเพรส” ติดธงชาติฟิลิปปินส์ ซึ่งบรรทุกน้ำมันเตาประมาณ 800,000 ลิตร เกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องและอับปางกลางทะเล ระหว่างเดินทางจากจังหวัดบาตาอัน ใกล้กับกรุงมะนิลา ไปยังจังหวัดอีโลอีโล ที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ยามฝั่งให้ความช่วยเหลือลูกเรือได้ทั้ง 20 คน ก่อนเรืออับปาง


กระทรวงสิ่งแวดล้อมของฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ว่า เรือลำดังกล่าวจมอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 366 เมตร จากผิวน้ำ และสาเหตุการณ์อับปางของเรือ ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า อาจเป็นเพราะสภาพอากาศแปรปรวน


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างคำนวณปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมา แม้ตอนนี้ “มีความเชื่อมั่น” ว่า สามารถระบุตำแหน่งของเรือได้แล้ว แต่เป็นระดับที่ลึกเกินกว่านักประดาน้ำจะดำลงไปตรวจสอบ จึงอาจต้องมีการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีในระดับสูง ในการช่วยตรวจสอบ


อนึ่ง ทุกภาคส่วนในฟิลิปปินส์ยังคงวิตกกังวลอย่างหนักว่า พื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติในบริเวณนั้น ซึ่งมีอยู่ 21 แห่ง จะได้รับผลกระทบอย่างหนักในทางสิ่งแวดล้อม โดยรวมถึงแนวปะการังที่มีอาณาเขตครอบคลุม 88,958 เอเคอร์ นอกจากนี้ ทะเลในบริเวณนั้นยังเป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงของฟิลิปปินส์ด้วย

ต้นโกงกางต้นหนึ่งซึ่งใบเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ริมชายฝั่งเมืองโปลา ในจังหวัดโอเรียนตัลมินโดโร ประเทศฟิลิปปินส์


ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ครอบคลุม 9 เมือง ของจังหวัดโอเรียนตัลมินโดโร เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชาวประมงไม่สามารถจับปลาได้ชั่วคราว ส่วนบริษัท อาร์ดีซี รีลด์ มารีน เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นเจ้าของเรือปริ๊นเซส เอ็มเพรส ยืนยันการรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด.

เครดิตภาพ : REUTERS