สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงทบิลีซี ประเทศจอร์เจีย เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่า การประท้วงครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษของจอร์เจีย เกิดขึ้นที่กรุงทบิลีซี ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดย กระทรวงมหาดไทย รายงานการจับกุมผู้เข้าร่วมประท้วงไปแล้วอย่างน้อย 77 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นมวลชนและตำรวจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้ทั้งแก๊สน้ำตา การฉีดน้ำแรงดันสูง และการใช้ระเบิดควัน เพื่อกดดันฝูงชนให้สลายการชุมนุม ขณะที่ประชาชนขว้างปาสิ่งของและระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เช่นกัน


สำหรับชนวนเหตุของการประท้วงนั้น เกิดขึ้นภายในเวลาไม่นาน หลังสภาแห่งชาติของจอร์เจียผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งในวาระแรก โดยกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า กฎหมายองค์กรต่างชาติ หรือ กฎหมายสายลับต่างชาติ มีสาระสำคัญเป็นการระบุให้องค์กรและหน่วยงานแห่งใดก็ตาม ซึ่งได้รับความสนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ต้องขึ้นทะเบียนเป็น “องค์กรต่างชาติ” มิเช่นนั้น ต้องระวางโทษปรับสถานหนัก


ทั้งนี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดี ซาโลเม ซูราบิชวิลี เรียกร้องเจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน และแสดงความวิตกกังวลว่า หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้จริง จะเป็นการบั่นทอนโอกาสของจอร์เจีย ในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) พร้อมทั้งเตือนว่า เธออาจใช้อำนาจยับยั้งกฎหมายนี้

อย่างไรก็ตาม สภาแห่งชาติซึ่งพรรค “จอร์เจียน ดรีม” ที่นิยมรัสเซีย ครองเสียงข้างมาก สามารถวีโต้อำนาจของเธอได้ตามกฎหมายเช่นกัน


ด้านฝ่ายค้านของจอร์เจีย วิจารณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาคล้ายคลึงกับกฎหมายของรัสเซีย ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2555 และมีการยกระดับความเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น “การคุกคามสื่อและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง”.

เครดิตภาพ : REUTERS