สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า บทบรรณาธิการของ “ซีเคียวริตี้ ไทม์ส” ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ด้านความมั่นคงรายใหญ่ของจีน ให้ความเห็นเกี่ยวกับการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ( เอสวีบี ) ที่เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพของสหรัฐ สะท้อน “มาตรการที่หละหลวม” ของรัฐบาลวอชิงตัน ตรงข้ามกับจีน ซึ่งมีการตรวจสอบและปฏิรูปภาคการธนาคารอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ สภาประชาชนแห่งชาติจีน ( เอ็นพีซี ) มีมติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตรียมจัดตั้งหน่วยเพื่อบริหารจัดการภาคการเงินและการธนาคารของประเทศอย่างเป็นทางการ ในชื่อ “สำนักงานตรวจสอบการเงินแห่งชาติ”


แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอสวีบีจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการเงินของจีน แต่รายงานของซีเคียวริตี้ ไทม์ส ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องจับตาความเคลื่อนไหว ศึกษาและถอดบทเรียน เพื่อป้องกันและควบคุมความเสี่ยง ไม่ให้ภาวะแบบนี้เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินของจีน เนื่องจากวิกฤติของเอสวีบียังอาจสร้างแรงกระเพื่อมถึงผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยขนาดเล็กและขนาดกลาง


ในอีกด้านหนึ่ง นายชุนอิจิ ซูซูกิ รมว.คลังของญี่ปุ่น แถลงว่า กลไกทั้งหมดในระบบการเงินของญี่ปุ่น “แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ” โดยเฉพาะโครงสร้างการรับฝากและถอนเงิน ตลอดจนการให้กู้ยืมเงินของสถาบันการเงินในญี่ปุ่น “แตกต่างอย่างสิ้นเชิง” เมื่อเทียบกับของสหรัฐ ญี่ปุ่นมีเงินกองทุนส่วนเพิ่ม ( capital buffer ) เพียงพอรับมือและบริหารจัดการกับทุกความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น วิกฤติที่เกิดขึ้นกับเอสวีบี จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับธนาคารในญี่ปุ่น


ขุนคลังญี่ปุ่น กล่าวต่อไปว่า จริงอยู่ที่สถาบันการเงินและบริษัทหลายแห่งในประเทศ ที่ถือครองพันธบัตรของเอสวีบี อาจประสบกับภาวะขาดทุน แต่เรื่องนี้สามารถชดเชยได้ ด้วยส่วนต่างซึ่งได้รับจากการกำไรที่มาจากการถือหุ้นของเอสวีบี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : REUTERS