สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่สองแล้ว ว่ารัสเซียต้องบรรลุ “เป้าหมายทั้งหมด” และหนทางเดียว “ในเวลานี้” ที่จะนำไปสู่เป้าหมายเหล่านั้น คือการต้องใช้มาตรการทางทหาร เนื่องจาก “ท่าทีปัจจุบันของรัฐบาลเคียฟ”


ขณะเดียวกัน เปสคอฟเน้นย้ำว่า ยูเครน “ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นใหม่” นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียเข้ามาปฏิบัติการทางทหารภายในประเทศ สื่อถึงการที่รัฐบาลมอสโก ผนวกรวมดินแดนหลายแห่งในภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครนไปแล้ว 20% นับตั้งแต่การเปิดฉากสู้รบ โดยตราบใดที่รัฐบาลเคียฟยังปฏิเสธยอมรับสถานการณ์เหล่านั้น โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่า “ยากที่จะเจรจากันได้อย่างสงบ”

กลุ่มควันจากการสู้รบกันด้วยขีปนาวุธ เหนือพื้นที่แห่งหนึ่ง ในภูมิภาคโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน


ในอีกด้านหนึ่ง จากเหตุการณ์ที่สหรัฐกล่าวหา เครื่องบินขับไล่ซู-27 ของรัสเซีย เจตนาชนอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน แบบควบคุมจากระยะไกล “เอ็มคิว-9 รีปเปอร์” หรือ “พรีเดเตอร์-บี” ขณะกำลังลาดตระเวนในเขตน่านฟ้าสากลเหนือทะเลดำ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้โดรนของสหรัฐตกลงไปในทะเล และจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเก็บกู้ได้นั้น


นายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวหลังเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ว่าโดรนของสหรัฐ “มีเจตนาคุกคาม” เนื่องจากมีการปิดเรดาร์ ระหว่างเคลื่อนที่มุ่งหน้ามาทางดินแดนของรัสเซีย “ในระยะใกล้จนน่าวิตกกังวล” อย่างไรก็ดี การสนทนากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ “เป็นไปอย่าสร้างสรรค์” และไม่มีการกล่าวถึง “ผลกระทบที่จะเกิดตามมา”.

เครดิตภาพ : REUTERS