เมื่อเวลา 20.19 น. วันที่ 17 มี.ค. เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการประกวดนางสาวไทย 2566 กับการประชันความงามของ 46 สาวงามนางสาวไทยประจำจังหวัด รอบพรีลิมมินารี (Preliminary) ที่แจ้งวัฒนะฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โดยเหล่าสาวงามได้อวดโฉม และโชว์ศักยภาพ รวมถึงความสามารถกันอย่างเต็มที่ เพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับเวทีนางสาวไทย ก่อนเข้าสู่การประกวดรอบสุดท้ายในวันอาทิตย์นี้

สำหรับ รอบพรีลิมฯ สาวงามผู้เข้าประกวด เหลือเพียง 46 คน เนื่องจากมีสาวงามขอถอนตัวเนื่องจากป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ในการประกวดประชันความงามเปิดเวทีด้วยการแนะนำตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 46 คน ใน “รอบการแสดงทัศนคติ” ที่เผยตัวตนและความคิดที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของแต่ละคน

ต่อด้วยการอวดโฉมรอบ “ชุดว่ายน้ำ” อวดเสน่ห์หญิงไทยปนความเซ็กซี่ สมกับความเป็นสาวสมัยใหม่ปิดท้ายด้วยการประกวดในรอบ “ชุดราตรี” ที่สวยสง่า ทรงพลัง และเฉลียวฉลาดในทุกมุมมอง (Sweet Strong Smart) สื่อถึงนิยาม “The Ultimate Precious” หรือ “ที่สุดแห่งความล้ำค่า” ซึ่งเป็นธีมหลักการประชันความงามของนางสาวไทยปีนี้

ประกาศรางวัลพิเศษ 4 รางวัล ประกอบด้วย มิส เลิฟลี่ สวีทตี้ ได้แก่ MT 45 อุทัยธานี น.ส. กัญญาวีร์ หนูแก้ว รางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมสายสะพาย, มิสบิวตี้ เฮลตี้ ได้แก่ MT09 เชียงใหม่ น.ส.ชนนิกานต์ สุพิทยาพร รางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมสายสะพาย, มิส ฮอสพิทาลิตี้ MT04 กำแพงเพชร น.ส.สุรัชวดี จักรกิจ รางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมสายสะพาย และรางวัลงามอย่างไทย ได้แก่ MT47 อำนาจเจริญ น.ส.สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์ รางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมสายสะพาย

คะแนนการประกวดทั้ง 3 รอบในวันนี้ (17 มีนาคม) จะถูกนำไปรวมกับคะแนนจากรอบสัมภาษณ์ทัศนคติเชิงลึก และคะแนนสะสมระหว่างการเก็บตัว เพื่อเข้าสู่รอบ 20 คนสุดท้าย

ในค่ำคืนสุดพิเศษนี้ ยังรวมถึงการเปิดตัวมงกุฎอันทรงเกียรติ “ลายศิลป์เชิงซิ่น สู่เศียรเกล้า” มงกุฎประจำตำแหน่งนางสาวไทย ประจำปี 2566 โดย มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ นางสาวไทย ประจำปี 2565 เป็นผู้เชิญมงกุฎอันทรงเกียตรินี้ ซึ่งได้รับการรังสรรค์โดย “GOD DIAMONDS” ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิด “จาก Local สู่เลอค่า” ผสานดีไซน์ด้วยลวดลายของผ้าซิ่น ผ้าทอพื้นบ้านของไทย เครื่องนุ่งห่มในแต่ละภูมิภาคแต่ละจังหวัด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความงามอันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นทรงคุณค่าและความงามจนถึงปัจจุบัน

แม้วิวัฒนาการด้านสิ่งทอจะก้าวหน้าไปไกลเพียงใด แต่ลวดลายผ้าซิ่นไทยที่บรรพบุรุษคิดค้นก็ยังคงเป็นที่นิยม อยู่คู่สังคมไทยตลอดมา และสามารถพัฒนาต่อยอดให้กับชุมชนชาวบ้าน ตัวเรือนมงกุฎออกแบบด้วย “ลายประจำยาม” ลายไทยลักษณะคล้ายดอกไม้สี่กลีบ ซึ่งเป็นลายที่มีใช้มาตั้งแต่สมัยทวาราวดี มาประดับที่ตัวเรือนมงกุฎ ประดับด้วยพลอยสีฟ้า น้ำเงิน หินเทอคอยซ์ และ “ไข่มุก” เสริมความอ่อนหวานและคลาสสิคอีกด้วย

สาวงามหนึ่งเดียวที่จะได้ดำรงตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 54 ซึ่งจะเป็นใครนั้น นับถอยหลังอีกเพียง 1 วันเท่านั้น แล้วมาลุ้นกันในค่ำคืนรอบตัดสิน (Final Competition) วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2566 เวลา 19.00 น.