สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ของเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก ในอิเควทอเรียลกินี ที่อยู่ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ. ปีนี้ ว่ามีผู้ป่วยยืนยันสะสมอย่างน้อย 13 คน และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 ราย โดยมีผู้ป่วยหายจากโรคอย่างน้อย 1 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อทุกคนได้แล้ว 825 คน
ขณะที่ แทนซาเนีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ยืนยันการพบเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก เป็นครั้งแรกในประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย จากทั้งหมด 8 ราย ในภูมิภาคคาเกรา ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวมอยู่ด้วย ส่วนผู้ป่วยอีก 3 คน ยังอยู่ในขั้นตอนการรักษา นอกจากนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอีกมากกว่า 160 คน
Equatorial Guinea confirms 13 Marburg cases after WHO comments https://t.co/zvlo0E7GQA pic.twitter.com/qMZceMktqN
— Reuters (@Reuters) March 29, 2023
ข้อมูลจากดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า ผู้ได้รับเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ตามด้วยอาการตกเลือด และภาวะไตวาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มากกว่า 80% ของผู้ติดเชื้อ จะเสียชีวิตภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนอาการน่าสังเกตอื่น รวมถึง ปวดศีรษะ ปวดบริเวณช่องท้อง อาเจียนเป็นเลือด และท้องร่วง
ทั้งนี้ เชื้อไวรัสมาร์เบิร์กติดต่อถึงกันได้ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง และการติดเชื้อจากสัตว์ป่า เช่น ลิง โดยยังไม่มีวัคซีนป้องกันและการรักษาจำเพาะ นอกจากนี้ เชื้อไวรัสมาร์เบิร์กยังมีระยะฟักตัวที่สั้นเพียง 14 วัน เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งใช้เวลา 21 วัน โดยไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อไวรัสอีโบลา และเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก รวมเรียกว่า ไข้เลือดออกแอฟริกัน ( African Hemorrhagic Fever )
#Tanzania ???????? has confirmed its first-ever cases of #Marburg virus disease.
— WHO African Region (@WHOAFRO) March 22, 2023
Here’s everything you need to know about what it is, its symptoms, and how it spreads ????????#ViralFactsAfrica @viralfacts pic.twitter.com/qV1tDQ8to5
อนึ่ง การแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก ซึ่งยืนยันโดยของดับเบิลยูเอชโอ ได้แก่ ที่เยอรมนี เมื่อปี 2510 มีผู้ป่วยสะสม 29 คน และเสียชีวิต 7 ราย ตามด้วยสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ระหว่างปี 2541-2543 มีผู้ป่วยสะสม 154 คน และเสียชีวิต 128 ราย ตามด้วยยูกันดา เมื่อปี 2548 มีผู้ติดเชื้อสะสม 374 คน และเสียชีวิต 329 ราย และเกิดขึ้นอีกครั้งในยูกันดา เมื่อปี 2560 พบผู้ป่วย 3 ราย และทุกคนเสียชีวิต.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES