เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนสภาทนายความ ผ่านนายปัญญา จารุมาศ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการมรรยาททนายความ และเลขานุการนายกสภาทนายความ เพื่อให้มีการพิจารณาพฤติกรรมของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ หลังมีการโพสต์กล่าวหาว่า นายเดชานำคลิปเหตุการณ์ที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 7 คน ก่อเหตุใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิตใน สภ.เมืองนครสวรรค์ ไปร้องเรียกทรัพย์จำนวน 20 ล้านบาทจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เพื่อไม่ให้เผยแพร่คลิป และดำเนินการจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับของสภาทนายความหรือไม่

โดยนายเดชา กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำหลักฐานเกี่ยวกับข้อความที่มีการอ้างว่าตำรวจผู้น้อยร้องเรียนมาที่ทนายคลายทุกข์ นำคลิปกล้องวงจรปิดคดีผู้กำกับโจ้มาให้ และต้องการให้ปล่อยคลิปสู่สาธารณะ แต่ตนไม่ปล่อย และเอาไปต่อรองผลประโยชน์ เรื่องนี้ผู้กำกับโจ้ได้ให้สัมภาษณหลังมอบตัวแล้วว่าไม่มีทนายความคนไหนไปตบทรัพย์ สิ่งที่นายษิทรานำมาโพสต์เป็นการทำลายชื่อเสียงจึงอยากให้กรรมการมรรยาททนายความไปตรวจสอบว่าผิดมรรยาทหรือไม่ นอกจากนี้ตนยังนำหลักฐานที่นายษิทราส่งคลิปไปยังเพื่อนสนิท และกระจายทั้งโซเชียล และข้อความที่โพสต์ส่วนหนึ่ง รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนายษิทราในรายการต่างๆ ทำให้ตน และทนายคนอื่น ๆ เสียหาย ซึ่งถือว่าซ้ำเติมวิชาชีพ สำหรับตนไม่เป็นอะไร เพราะแก่แล้ว แต่ห่วงวิชาชีพ ส่วนกรณีคดีหมิ่นประมาท ที่แจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม นั้น ตนได้ติดตามความคืบหน้าพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์เรียบร้อยแล้ว และจะเรียกให้นายษิทรา ในฐานะผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ก.ย. นี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งหลังจากนี้ตนจะฟ้องศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝากบอกนายษิทราว่าจะปล่อยคลิปก็ปล่อยไป แต่ไม่ต้องโพสต์เฟคนิวส์ทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะเพื่อนร่วมวิชาชีพ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่านายษิทราอาจเข้าใจผิด นายเดชา กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะในคลิปนายษิทรา ระบุว่า ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อถามต่อว่า ทนายความในประเทศไทยมีหลายคนแต่ทำไมต้องเจาะจงเป็นทนายเดชา นายเดชา กล่าวว่า ตนกับนายษิทรามีความเห็นในการวิจารณ์คดีอะไรต่าง ๆ ไม่ตรงกัน ความคิดเห็นทางกฎหมายต่างกัน เรามีคดีฟ้องร้องกันหลายคดี

ขณะที่ นายปัญญา กล่าวว่า ในส่วนของคดีที่เรารับก็จะนำมาตรวจสอบก่อนว่า คำร้องที่ยื่นมามีข้อเท็จจริงเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอก็ให้ผู้ยื่นชี้แจงเพิ่มเติม หากเพียงพอแล้วก็ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาทำคำแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน แล้วเข้าสู่กระบวนการ ส่วนการจะดำเนินการหลังจากนี้อย่างไร ในคดีนี้เรายังไม่ได้ตรวจสอบอะไร จะมีความผิดหรือไม่อย่างไร คงต้องรอกรรมการสอบสวน หากมีความผิด ที่เราใช้กันคือการห้ามเป็นทนายความ 1, 2, 3 ปี รวมถึงการลบชื่อจากการเป็นทนายความ ในส่วนที่เรายังไม่ลงโทษก็คือจะมีการว่ากล่าวตักเตือน ทั้งนี้ ในส่วนการพิจารณารับเอกสาร และสำนวน ขอเรียนว่าคดีใบอนุญาตทนายความมีขั้นตอนพอสมควร ดังนั้นสภาทนายความเราพยายามจะให้ทางฝ่ายทนายความ อย่างในกรณีนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเราอยู่ในวิชาชีพเดียวกัน แต่ก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการตรวจสอบใช้เวลาไม่นาน.